อาสาสมัครวัยเยาว์ ร่วมใส่ใจผู้สูงวัยในชุมชน

          การดูแลผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสในสังคมเป็นประเด็นที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปประเทศกำลังหารือถึงแนวทางที่เหมาะสม อีกด้านหนึ่งเสนอว่าการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นดูแลคนในชุมชนคืออีกแนวทางหนึ่งที่น่าส่งเสริมควบคู่กันไปด้วย นอกจากจะเป็นการดูแลผู้สูงวัยแล้ว ยังจะเป็นการสร้างความผูกพันขึ้นระหว่างเยาวชนกับผู้สูงวัยไปพร้อมๆ กันด้วย


อาสาสมัครวัยเยาว์ ร่วมใส่ใจผู้สูงวัยในชุมชน thaihealth


          โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุเพื่อสุขภาวะ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงาน ณ พื้นที่บ้านป่ายาง ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา และบ้านท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นการลงพื้นที่ติดตามผลจากแนวทางการให้ผู้สูงอายุรวมตัวทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อดูแลสุขภาพกาย ใจ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม การเยี่ยมเยียนเพื่อนผู้สูงอายุในชุมชน การออกกำลังกาย การดูแลเรื่องโภชนาการ ในลักษณะ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ซึ่งดำเนินงานมาตั้งแต่ พ.ศ.2550 และสิ้นสุดเมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา


          นางธิดา ศรีไพพรรณ เลขาธิการสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการแผนงานผู้สูงอายุ สสส. กล่าวว่า โครงการได้ช่วยให้ผู้สูงอายุได้รวมตัวทำกิจกรรมกว่า 650 ชมรม พร้อมกับเปิดโอกาสให้องค์ประกอบต่างๆ ในชุมชนเข้าร่วมด้วย เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครเยาว์วัยใส่ใจผู้สูงอายุ (อผส.น้อย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามาร่วมงานดูแลผู้สูงอายุควบคู่กับแนวทางหลักที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ ทั้งนี้วิธีการดังกล่าวนี้ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการสนับสนุนให้ชุมชนและกลุ่มผู้สูงอายุมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ซับซ้อนแต่ได้ผล เช่น การเยี่ยมเยียนสมาชิกผู้สูงอายุตามบ้าน การจัดกิจกรรมดูแลสุขภาพ ควบคุมอาหาร การออกกำลังกายร่วมกัน การพูดคุยติดตามผลหลังจากการพบแพทย์ รวมถึงการใช้เวลาว่างประกอบอาชีพเสริม สามารถลดอัตราผู้สูงอายุที่รู้สึกซึมเศร้าได้มาก


อาสาสมัครวัยเยาว์ ร่วมใส่ใจผู้สูงวัยในชุมชน thaihealth


    "เมื่อคนในชุมชนเห็นด้วย ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 474 แห่ง ก็รับช่วงให้การสนับสนุนต่อ โดยนำไปบรรจุเป็นแผนงานนโยบาย แนวคิดของกิจกรรมนี้มาจากความคิดที่ว่าไม่มีใครรู้จักผู้สูงอายุเท่ากับผู้สูงอายุด้วยกันเอง ขณะที่ชุมชนเองก็มีความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว จึงคิดจะใช้ต้นทุนในส่วนนี้มาร่วมด้วย เมื่อลงพื้นที่จริงก็พบเช่นนั้น เช่น เมื่อผู้สูงอายุเห็นลูกหลานเห็นเด็กๆ ที่เป็นอาสาสมัครมาเยี่ยม มานวดให้ ก็ดีใจ หรือบางกรณีมีผู้สูงอายุอยู่รายหนึ่ง เมื่อไปเยี่ยมแรกๆ แกไม่พูดจาจนทุกคนที่ไปเข้าใจว่าแกเป็นใบ้ แต่หลังจากไปอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ผ่านไป 3 เดือนก็เริ่มพูดเริ่มสื่อสารกับเด็กๆ ที่ไปเยี่ยม" นางธิดากล่าว


         ด้าน นายวิทยา ทิพย์มณี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา กล่าวว่า มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 19 หมู่บ้าน รวม 21 ชุมชน ในอดีตผู้สูงอายุในพื้นที่ไม่มีการรวมกลุ่มกัน ส่งผลให้ความช่วยเหลือหรือการดูแลผู้สูงอายุไม่ทั่วถึง แต่การรวมตัวทำให้มองเห็นและง่ายต่อการดูแลประชากรได้ดีขึ้น มองว่าการดูแลผู้สูงอายุด้วยกลไกที่มีอยู่ในชุมชนจะช่วยให้คนในพื้นที่เห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ เกิดกิจกรรมอื่นๆ ตามมา เช่น จัดกิจกรรมกีฬาผู้สูงอายุในวันผู้สูงอายุ การถ่ายทอดศิลปะพื้นถิ่นอย่างการรำมโนราห์สู่เด็กๆ การเชิญวิทยากรที่มีความรู้มาถ่ายทอดสิ่งที่ผู้สูงอายุสนใจ หรือเชิญครูจากการศึกษานอกระบบมาสอนอ่านหนังสือ เป็นต้น


          นางรัตติยา ลายรักษ์ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านป่ายาง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมางานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาจช่วยผู้สูงอายุได้เพียงในบางเรื่องเช่นในเรื่องของสุขภาพกายเท่านั้น แต่การอาสาสมัครวัยเยาว์ ร่วมใส่ใจผู้สูงวัยในชุมชน thaihealthเปิดโอกาสให้ชุมชนซึ่งมีทั้งผู้สูงอายุและกลุ่มเยาวชนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทางกลุ่มเยาวชนสามารถช่วยในเรื่องจิตใจ เกิดความสัมพันธ์กันในชุมชน ในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยงานเจ้าหน้าที่ที่มีบุคลากรจำกัดได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญ จะก่อให้เกิดความรักความผูกพันและความอบอุ่นขึ้นในพื้นที่ได้


          "เรามีเจ้าหน้าที่อยู่เพียง 4-5 คนเท่านั้น คงลงไปเยี่ยมทุกบ้านไม่ได้ แต่พอมีเครือข่ายมีอาสาสมัครจากคนในชุมชน ทีมเราก็มากขึ้น งานที่ทำก็ง่ายขึ้นด้วย เห็นเลยว่าผู้สูงอายุอยากมีส่วนร่วม ลดอาการซึมเศร้าได้ดี เพราะอย่าลืมว่าการไปเยี่ยมเยียนโดยเพื่อนวัยเดียวกัน หรือเด็กในชุมชนที่รู้จักกัน ถามไถ่เรื่องราวต่างๆ ย่อมดีกว่าเจ้าหน้าที่ ที่เน้นเฉพาะเรื่องทางกายภาพเพียงอย่างเดียว เพราะผู้สูงอายุต้องการที่พึ่งทางจิตใจด้วย" นางรัตติยากล่าว


          การดูแลและการเอาใจใส่ผู้สูงวัย ไม่ควรปล่อยให้ครอบครัวหรือทายาทเป็นผู้รับผิดชอบและดูแลแต่เพียงฝ่ายเดียว ทางชุมชนหรือหมู่บ้านเองก็จะต้องเข้าไปมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดูแล ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงวัยเหล่านั้นด้วย เพื่ออุดช่องโหว่และเติมเต็มให้กับผู้สูงวัย ในฐานะเพื่อนต่างวัยที่จะต้องใส่ใจไปด้วยกัน


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน


          ภาพประกอบจากเว็บไซต์โกทูโนว

Shares:
QR Code :
QR Code