อาชีวะ เร่งเสริมภูมิจิตใจ จัดโครงการวัด วิทยาลัยใกล้ชิดกัน
สอศ. สร้างต้นแบบดี รวมพลอาชีวะรุ่นใหม่ใส่ใจศาสนา
วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนิกชนผู้นับถือศาสนา แต่จากการสำรวจ Family poll ของมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กลับพบว่า เด็กวัยรุ่นในยุคปัจจุบันไม่นิยมเข้าวัด ไม่รู้วันสำคัญทางศาสนา และห่างไกลวัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงจัดโครงการวัด วิทยาลัยใกล้ชิดกัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้เด็กอาชีวะรุ่นใหม่ใส่ใจศาสนา และเข้าวัดมากขึ้น
นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานเปิดโครงการวัด วิทยาลัยใกล้ชิดกัน กล่าวว่า การสนับสนุนเยาวชนในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับศาสนา เป็นทางหนึ่งที่จะส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนของประเทศให้มีคุณภาพ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดแก่สังคมของประเทศ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย
ด้าน นาย
โดยที่ผ่านมาได้ทำโครงการนำร่องที่วัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน กทม.เป็นแห่งแรก โดยนำนักศึกษาอาชีวะ เข้าร่วมบำเพ็ญประโยชน์ในการบูรณะพระปรางค์ ซ่อมแซมเสนาสนะ และสร้างศาลาปฏิบัติธรรม รวมทั้งการดูแลความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ภายในวัดของพระสงฆ์ แม่ชี สามเณร และผู้ปฏิบัติธรรม
นายวีระศักดิ์ กล่าวถึงที่มาของโครงการนี้ว่า เป็นเพราะสังคมในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ที่ชักนำให้เด็กห่างไกลจากพุทธศาสนา ดังนั้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ จึงสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาของอาชีวศึกษาทำกิจกรรมใกล้ชิดกับวัดยิ่งขึ้น
“เด็กอาชีวะที่เป็นวัยรุ่น ไม่ค่อยได้อยู่กับผู้ปกครอง ฉะนั้น เค้าจึงไม่มีต้นแบบ หรือคนชักจูงให้เข้าวัดทำบุญ อีกทั้งใกล้วันวิสาขบูชา จึงร่วมกับวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร นำนักศึกษามาร่วมเวียนเทียนเพื่อสร้างความตระหนักถึงการร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาแก่เยาวชน”
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า เด็กที่มีผลการเรียนดีอย่างเดียวยังไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต แต่ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ควบคู่ไปด้วย การเข้าวัด ทำบุญ ย่อมส่งผลต่อจิตใจของเด็กให้เกิดศีล สมาธิ และปัญญา จากหลักจริยธรรมที่เราสอดแทรกขณะที่เด็กทำกิจกรรม ทำให้เด็กรู้สึกคุ้นเคยกับการเข้าวัด เสมือนว่าเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่ง
“วันนี้เรามีกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน ทำประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน เชื่อมั่นว่าสังคมจะเห็นส่วนดีของเด็ก ขณะที่ปัจจุบันข่าวตีกันของนักศึกษาอาชีวะก็ลดจำนวนลง เนื่องมาจากการจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการกล่อมเกลาจิตใจของเด็กให้เป็นไปในทางที่ดี โดยหากิจกรรมที่เด็กทำแล้วรู้คุณค่า เช่น ให้เด็กช่วยซ่อมแซมวัด เมื่อเด็กเป็นผู้ซ่อมเอง ก็จะรู้จักที่จะรักษามากขึ้น” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ด้าน นักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ นาย
นางสาววริศนันท์ วานิชย์สุข นักศึกษา ปวช. 2 สาขาการท่องเที่ยว วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวกรุงเทพ กล่าวว่า รู้สึกดีที่ได้มาทำบุญและร่วมกิจกรรมกับวิทยาลัยอื่น ๆ มีโลกทัศน์กว้างขึ้น ได้เรียนรู้จากการทำบุญ เวียนเทียน หลักธรรมที่พระท่านเทศน์ ที่ผ่านมา เด็กส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสนใจ คิดว่าน่าเบื่อ และไม่รู้ว่า เข้ามาแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง ตรงไหน อย่างไร แต่โครงการนี้ ช่วยให้เด็กมีตัวอย่างที่ดี ในการเข้าวัด ทำบุญ และคุ้นเคยกับวัดมากขึ้น
นับเป็นโอกาสดีที่เยาวชนจะได้รับองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ มีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต เป็นอีกมิติหนึ่งของการศึกษาไทย ที่นำวิถีชุมชน วิถีประชามาหล่อหลอม ขัดเกลา สร้างสำนึกที่ดีงามให้แก่เยาวชน และยังส่งผลให้นักศึกษามีความรับผิดชอบ มีวินัยในตนเองเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ในอนาคตคงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปหากเราเห็นวัยรุ่นเข้าวัดแทนการเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า หรือเที่ยวกลางคืน ถ้าทุกภาคส่วนเร่งรณรงค์เรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจังและสม่ำเสมอ เมื่อทำได้เช่นนั้นแล้วถ้าเราจะพูดว่า “วัด วิทยาลัยใกล้ชิดกัน” คงพูดได้อย่างสนิทใจ…
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนกาสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
Update 20-05-51