อย่าชะล่าใจหวัด 09 ระลอก 2

หนุนงบป้องกันให้ม.ทั่วประเทศ 9 ก.ย.นี้

 

อย่าชะล่าใจหวัด 09 ระลอก 2 

          เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่โรงแรมเอเชีย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมประกาศเจตนารมณ์ ร่วมเป็นภาคีรณรงค์การป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธาน และมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมกว่า 100 แห่ง

 

          ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า คาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ฯ มีแนวโน้มแพร่ระบาดในต่างจังหวัดอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีความเสี่ยงในสถานศึกษาและแหล่งชุมนุมของเยาวชน ดังนั้น สถานศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องเตรียมการรับมือการแพร่ระบาด เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความสูญเสีย

 

          โดยกิจกรรมที่ สกอ. ร่วมกับ สสส. ได้แก่ 1. สถาบันอุดมศึกษา รวมถึงสถานประกอบการ อาทิ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทุกแห่งจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันไข้หวัด 2009 ตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2552 ซึ่งถือเป็นวันดี 2.สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน่วยงานพยาบาล คณะวิชาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ จะเปิดศูนย์หรือหน่วยบริการให้คำปรึกษาด้านการป้องกัน การรักษากับนิสิตนักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป และ 3. นิสิตนักศึกษา ชมรม คณะ จะจัดกิจกรรมอาสาสมัครโดยเสนอขอความสนับสนุนผ่านสถาบันอุดมศึกษามายังคณะกรรมการพิจารณาโครงการ โดยมีตัวแทนขอ สกอ. สสส. และมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ กิจกรรมโครงการต่างๆ สสส. จะมีงบประมาณสนับสนุนมหาวิทยาลัยละไม่เกิน 10,000 บาท

 

          ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ขณะนี้ดูเหมือนเริ่มลดน้อยลง ทำให้มีการเฝ้าระวังและป้องกันลดลง เพราะกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดน้อยลง ทั้งที่ตกสำรวจเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดและเสี่ยงมีโรครุนแรงแทรกซ้อน โรคปอดบวม ตายโดยไม่ทราบสาเหตุอีกมาก และองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่ามีการแพร่ระบาดในรอบ 2

 

          สิ่งที่ออกมาพูดในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการให้คนตกใจ แต่ไม่อยากให้คิดกันว่า โรคไข้หวัด 2009 จะไม่กลับมาอีก เพราะหากเป็นเช่นนั้นเมื่อโรคกลับมาระบาดใหม่จะไม่มีการเตรียมตัวและอาจตายกันหมด นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องโรงงานผลิตวัคซีนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร กำลังการผลิตขึ้นอยู่กับจำนวนของไข่เป็ดปลอดเชื้อ ถ้าหากมีไข้เป็ดปลอดเชื้อสัปดาห์ละ 6,000 ฟอง โดยที่ 1 ฟองผลิตวัคซีนได้ 100 โดส อาจใช้เวลา 17 เดือน จึงจะได้วัคซีนสำหรับคนกลุ่มเสี่ยง 40 ล้านคน แต่ขณะเดียวกันหากมีไข่ปลอดเชื้อเพียงสัปดาห์ละ 4,500 ฟอง โดยที่ไข่ 1 ฟองผลิตวัคซีนได้ 30 โดสตามปกติ ต้องรอเวลาถึง 6 ปี จึงสามารถผลิตวัคซีน 40 ล้านโดสได้

 

          ขณะนี้ สธ. และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเลิกทะเลาะกัน และมาตัดสินใจกันใหม่ ร่วมใช้โรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ของกรมปศุสัตว์ ซึ่งมีสถานที่บุคลากร และเครื่องมือทุกอย่างพร้อมแล้ว ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้เคยส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแล้วให้การรับรองว่าโรงงานของกรมปศุสัตว์เป็นโรงงานที่มีคุณภาพดีผลิตวัคซีนได้ ถึงกลับพูดว่าพระเจ้าส่งโรงงานนี้มาให้คนไทย ซึ่งหากปรับปรุงเครื่องมือ โดยคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท เปลี่ยนโรงงานวัคซีนสำหรับสัตว์มาเป็นโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับคน โดยน่าจะใช้เวลาปรับตัวในครั้งนี้ประมาณ 3 เดือนสามารถผลิตวัคซีนเชื้อเป็นได้ถึง 86 ล้านโดส ซึ่งใช้ได้ถึง 86 ล้านคน วันนี้สองกระทรวงต้องจับมือกัน ไม่ใช่หาข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล้ว และไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องเสียหน้า หากกรมปศุสัตว์สามารถผลิตวัคซีนสำหรับคนได้ ทำให้ สธ.ไม่ได้หน้าไม่เป็นไร เพราะถ้าคิดแต่เรื่องหน้าตาคงทำให้ประเทศชาติล่มจมลงนพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา: สำนักข่าวเนชั่น

 

 

Update 25-08-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code