ห้องเรียนชุมชนเติมเต็มความรู้สู่ความยั่งยืน
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
การใช้ชีวิตซึ่งเชื่อมโยงกับวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นซึ่งจะเป็นทั้งต้นทุนและเบ้าหลอมในการเติบโตก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งการร่วมมือกันเปลี่ยนชุมชนให้กลายเป็นห้องเรียนถูกทำให้เป็นรูปธรรมที่ศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน
สนับสนุนโดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. ต.อีเซ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ด้วยความร่วมมือของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานเขตการศึกษาพื้นที่ และศูนย์ประสานงานป่าไม้ ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนที่ 4 เป็นกลไกขับเคลื่อนร่วมกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น จนนำไปสู่กิจกรรมต่างๆ ที่นอกจากจะเป็นการปลูกฝังเด็กและเยาวชนในด้านต่างๆ แล้ว ยังสร้างสำนึกร่วมให้ชุมชนมองเห็นคุณค่าและร่วมกันพัฒนาบ้านของพวกเขาให้ยั่งยืนต่อไป
ที่นี่มีเด็กและเยาวชนทั้งสิ้น 466 คน คิดเป็นร้อยละ 93.95 ของประชากรทั้งหมด เมื่อประชากรส่วนใหญ่เป็นเด็ก แผนการเรียนรู้จึงให้ความสำคัญที่การนำใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากการถ่ายทอดของผู้รู้ภายในชุมชนและการจัดกระบวนการศึกษาที่เน้นการเรียนรู้ร่วมจากกิจกรรมในพื้นที่เพื่ออนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และให้เด็กและเยาวชนสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งตัวบุคคลและชุมชนนั้นถูกขับเคลื่อนผ่านแหล่งเรียนรู้ 3 แหล่งเรียนรู้คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านอีเซ กลุ่มสภาเด็กและเยาวชนตำบลอีเซ และศูนย์เรียนรู้ห้องเรียนธรรมชาติโรงเรียนบ้านอีเซ (คุรุราษฎร์วิทยา)
พีรชัย วงศ์เลิศ อาจารย์โรงเรียนบ้านอีเซ เล่าถึงที่มาของกระบวนการเรียนรู้ในห้องเรียนธรรมชาตินั้น เกิดจากการมองถึงศักยภาพของพื้นที่ส่วนรวมในชุมชนอย่างป่าชุมชนโนนใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียน ถือเป็นแหล่งความรู้ใกล้ตัวที่ผู้เรียนนั้นจะได้ทั้งความรู้และความสนุก
"อันที่จริงการเรียนรู้เรื่องธรรมชาติมักถูกสอดแทรกอยู่ในบทเรียนของทุกรายวิชาอยู่แล้ว อยากจะให้เด็กได้มีความรู้ด้านต่างๆ เกี่ยวกับธรรมชาติในมุมที่เขาได้รู้และได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับป่าชุมชน ซึ่งเป็นศูนย์รวมความรู้และอยู่ใกล้ตัวพวกเขามากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ผลไม้ หรือยาสมุนไพร ทุกอย่างล้วนสามารถหาเรียนหาดูได้ในพื้นที่ป่าทั้งนั้น ที่สำคัญเด็กๆ ก็จะได้ความสนุกควบคู่กันไปด้วย อย่างการเข้าป่าไปสำรวจเห็ดเป็นการสังเกตสภาพแวดล้อมคำนวณเวลาระยะทางภูมิศาสตร์ วาดภาพประกอบเป็นกระบวนการเรียนแบบสหวิชาและบูรณาการความรู้หลายๆ แขนงเข้าด้วยกัน" พีรชัยอธิบายเพิ่มเติม
"น้องเตย" ด.ญ.ปวีณา เกสร นักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนบ้านอีเซ เล่าถึงประสบการณ์การเรียนรู้ในฐานกิจกรรมต่างๆ ในป่าชุมชนที่ตนเองได้เข้าร่วมว่า ได้ทั้งความสนุก และความรู้ เป็นประสบการณ์ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งป่าโนนใหญ่จะเป็นป่าที่ชุมชนช่วยกันดูแล มีการใช้ประโยชน์แบบพึ่งพากันและกัน ส่วนกลุ่มเยาวชนก็มีการรวมตัวเป็น กลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าขึ้นมาเพื่อทำงานเรื่องการอนุรักษ์คู่ไปกับผู้ใหญ่ด้วย การได้เข้าร่วมกิจกรรมในห้องเรียนธรรมชาติอย่างนี้ทำให้ได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ และชุมชนที่เป็นการอยู่ร่วมกัน ซึ่งในอนาคตเมื่อโตขึ้น อยากจะเรียนรู้เรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติให้มากกว่านี้ เพื่อทำให้ป่าอยู่คู่กับชุมชนต่อไป
นางธัญญา แสงอุบล ผู้อำนวยการสนับสนุนวิชาการภาคอีสาน สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. เล่าว่า บ้านอีเซเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับป่าและน้ำ ครูในโรงเรียนมีการเน้นการเรียนรู้จากทรัพยากรที่มีในหมู่บ้านอยู่แล้ว เมื่อปี 2556 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการสุขภาวะชุมชน กับสสส. ขณะนี้โรงเรียนบ้านอีเซได้กลายเป็นโรงเรียนต้นแบบให้อีก 20 โรงเรียน และคาดว่าในอนาคตอีก 3 ปี โรงเรียนในเครือข่ายบ้านอีเซจะเป็นโรงเรียนต้นแบบที่สร้างเครือข่ายขยายการเรียนรู้ด้วยกระบวนการนี้เช่นกัน