“หมอเดว” ห่วงเด็ก 6 ขวบดื่มเหล้าส่งผลสมองส่วนคิด

“หมอเดว” ชี้เด็ก 6 ขวบดื่มเหล้าเสี่ยงพัฒนาการสมองส่วนคิดบกพร่อง แนะพ่อแม่ไม่ควรลงโทษเด็กด้วยการตี แต่ควรหาโอกาสพูดคุยกับลูกด้วยความรัก ด้านผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุราวอนเจ้าหน้าที่รัฐเข้มบังคับใช้กฎหมาย หลังเหตุเกิดภายในวัดสถานที่ห้ามดื่ม

ห่วงเด็ก 6 ขวบดื่มเหล้าส่งผลสมองส่วนคิด

จากกรณีเด็กอายุ 6 ขวบแอบดื่มเหล้าในวัดจนหมดสติ อยู่ในภาวะโคม่า จนแพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งเข้าห้องไอ.ซี.ยู.ซึ่งหลังจากนอน รพ.ได้ 2 วัน เด็กอาการดีขึ้น และแพทย์ให้กลับบ้านแล้วนั้น นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน หรือเด็กพลัส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กล่าวว่า สมองของเด็กมีการ big cleaning หรือการจัดการระบบสมองในช่วงจัดรอยเปลี่ยนต่อระหว่างช่วงอายุ คือหากเด็กอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยงก็จะต่อเนื่องไปถึงวัยผู้ใหญ่ได้ และยิ่งการดื่มสุราเข้าสู่ร่างกาย ก็จะส่งผลต่อการหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสารนี้จะมีผลต่อการกดและทำลายสมองส่วนคิด ทำให้เด็กมีปมด้อยเรื่องพัฒนาการของสมอง ส่งผลให้เด็กคิดวิเคราะห์ไม่ได้ รวมทั้งยังส่งผลต่ออวัยวะสำคัญในร่างกาย ทั้งตับ ไตจะเจริญเติบโตไม่เต็มที่

ที่สำคัญตับเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตกลูโคสไปเลี้ยงสมอง หากมีผลกระทบต่อตับกลไกเหล่านี้ก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ และยิ่งเกิดขึ้นในเด็กจึงเกิดอาการช็อคหมดสติได้ดั่งที่เป็นข่าว หากแพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทันอาจมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ผู้ควบคุมนโยบายทางกฎหมาย หรือชุมชนและผู้ปกครองต้องเอาใจใส่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ปกครองสิ่งแรกที่ควรทำคือหลังจากที่แก้ปัญหาฉุกเฉินเฉพาะหน้าในการช่วยเหลือเด็กให้ปลอดภัยแล้ว คือการปกป้องเด็กให้ความรัก ความอบอุ่น ไม่ควรลงโทษเด็กด้วยการใช้ความรุนแรง เพราะเชื่อว่าเด็กอายุระดับประมาณนี้เป็นช่วงวัยที่เกิดการเลียนแบบ จึงทำให้เด็กอาจทำตามรุ่นพี่หรือสภาพสังคมที่เขาเห็นได้ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองต้องนั่งคุยกับลูกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดี และอาจมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการชุมชน ผนึกกำลังเป็นสหกรณ์พ่อแม่หรือชุมนุมพ่อแม่ เพื่อร่วมแก้ปัญหาห้ามดื่มห้ามขายเหล้าในพื้นที่ สร้างจิตสำนึกของปัญหาให้เกิดขึ้นในพื้นที่ก็ได้

หมอเดว

“ผมไม่เห็นด้วยหากพ่อแม่จะทำโทษเด็ก เพราะเด็ก 6 ขวบทำไปก็น่าจะเกิดจากการเลียนแบบ อยากลอง จริงๆ ต้องโทษผู้ใหญ่และคนรอบข้าง กระบวนการลงโทษไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ยิ่งเราไปตีเขา ยิ่งทำให้เขาหนีออกจากหัวใจของเราเอง ต้องมานั่งพูดคุยกันให้ดี หากลไกแก้ปัญหาร่วมกัน ต้องถามเขาว่าได้แบบอย่างนี้มาจากไหน เห็นมาได้อย่างไร เพราะหากเราถามดีๆ สุดท้ายเราจะรู้ว่าปัญหาจะมาจากผู้ใหญ่ ทั้งร้านค้าเองก็ดี รุ่นพี่ที่นั่งกินด้วย และคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ สิ่งเหล่านี้ต้องซ่อมกันหลายจุด”นพ.สุริยเดวกล่าว

นพ.ทักษพล ธรรมรังษีด้าน นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า โดยสภาพร่างกายของเด็กนั้นไม่ควรจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีอันตรายมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขนาดตัว และจากข่าวที่นำเสนอว่าเด็กดื่มสุรา (เหล้าขาว) จำนวน 5 แก้วนั้น ถือว่าเป็นการดื่มอย่างหนัก แม้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม หากดื่มขนาดนั้นจะส่งผลให้แอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ถือว่าโชคดีมากที่สามารถช่วยเด็กได้ทัน อย่างไรก็ตามเหตุใดถึงได้ปล่อยให้แอลกอฮอล์เข้าถึงเด็กได้ง่าย เด็กหาซื้อแอลกอฮอล์ได้ไม่ยาก ที่ผ่านมาคนขายมักจะอ้างว่าเด็กซื้อให้ผู้ปกครอง และที่น่าสนใจคือสถานที่ดื่มนั้นเป็นภายในวัด ดังนั้นจึงอยากให้มีการทบทวนที่มาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เด็กดื่มนี้ว่ามาจากแหล่งใด และดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งต้องพัฒนากฎหมายให้มีนโยบายจัดการกับการดื่มไม่ให้เด็กเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ง่าย หากเราทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กปลอดจากแอลกอฮอล์มากเท่าใด เด็กก็จะปลอดภัยมากขึ้น

“การก่อพิษของแอลกอฮอล์เด็กกับผู้ใหญ่ไม่ต่างกัน เพียงแต่ในปริมาณการดื่มที่เท่ากัน เด็กจะมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้สูงกว่า การมีพิษได้ง่ายกว่า นอกจากนั้นเมื่อเข้าระบบทางเดินอาหารก็จะเข้าดูดซึมสู่กระแสเลือด ผ่านทางตับ ไตต่างๆ รวมถึงสมอง ทำให้เกิดโอกาสมึนเมา หมดสติ สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อต่างๆ ได้ ซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่ แต่ที่สำคัญคือมีผลระยะยาวต่อพัฒนาการทางสมอง ที่จะมียาวได้ถึงอายุ 25 ปี เรียกว่าจะทำให้เด็กสูญเสียความสามารถในการจดจำ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถูกทำลายไปด้วยแอลกอฮอล์หากดื่มก่อนวัย อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ควรดื่ม”นพ.ทักษพลกล่าวและว่า สิ่งสำคัญคือผู้ปกครองต้องมีความเข้มงวดกับการดูแลบุตรหลานให้มาก ที่สำคัญในเมื่อเรามีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 แล้วอย่าทำให้เป็นเพียงแค่กระดาษ ต้องนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้

 

 

เรื่องโดย: สุนันทา สุขสุมิตร team content www.thaihealth.or.th

 

 

 

  

 

Shares:
QR Code :
QR Code