หนุนเกษตรกรหยุด “สารเคมี” ลดภาวะเสี่ยง

แนะใช้สมุนไพรหาได้ในท้องถิ่นแทน

 

 หนุนเกษตรกรหยุด “สารเคมี” ลดภาวะเสี่ยง

          ป้ายโฆษณายาฆ่าหญ้าและแมลงศัตรูพืช ตามชุมชนชนบทของประเทศไทย ไม่ใช่ความแปลกแยกในวิถีชีวิตเกษตรกรไทยนัก ด้วยเกือบทุกขั้นตอนของกิจกรรมการเกษตร นับแต่หว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ บำรุงรักษา จนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตล้วนแล้วแต่พึ่งพิงสารเคมีแทบทั้งสิ้น ทว่าขณะเดียวกัน ก็ทอดทิ้งสุขภาพย่ำแย่ไว้กับเกษตรกรและผู้บริโภคข้างหลังจำนวนมาก จากการใช้ยาฆ่าหญ้ามหาศาล

 

          ทางเครือข่ายรักษ์สุขภาพ ต.ดอนทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะในพื้นที่และชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้คิดค้น “โครงการสิ่งแวดล้อมดี ชีวีสดใส ประชาปลอดภัย ไร้โรคภัย” ขึ้นมา เพื่อลด ละ เลิก การใช้ยาฆ่าหญ้าไกลโฟเซท ยากรัมม๊อกโซน และยาช้างแดง เพื่อฟื้นสุขภาวะชาวชุมชนและความอุดมสมบูรณ์แผ่นดินแม่

 

          แม้จะเลิกใช้ไม่ได้เด็ดขาดในทันที หากการส่งเสริมภาคปฏิบัติในการลดและใช้ยาฆ่าหญ้ายอดนิยมของชุมชนอย่างถูกวิธี ก็ค่อยทยอยลดจำนวนเกษตรกรที่มีสารเคมีตกค้างในกระแสโลหิตลงมาก จากเกษตรกรและผู้สัมผัสยาฆ่าหญ้าที่เข้าร่วมตรวจเลือดทั้งสิ้น 400 คน ที่เดิมพบมีความเสี่ยงของสารเคมีตกค้างในกระแสโลหิตระดับเสี่ยงอันตรายต่อร่างกายสูงถึง 41.5% และระดับไม่ปลอดภัย 33.5% ก็ลดลงเหลือผู้ที่มีสารเคมีตกค้างในกระแสโลหิตในระดับเสี่ยงอันตรายแค่ 13.25% ขณะในระดับไม่ปลอดภัยเพียง 20.5% หลังดำเนินโครงการ

 

          รูปธรรมความสำเร็จของโครงการสิ่งแวดล้อมดี ที่สามารถลดการตกค้างของสารเคมีในกระแสโลหิตของผู้เข้าร่วมได้สูงถึง 21% และ 20.25% ตามลำดับนั้น ก็เนื่องมาจากผู้ที่ผ่านการเจาะเลือดแล้วรับรู้ว่าตนเองมีสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จะระมัดระวังรอบคอบเวลาใช้ยาฆ่าหญ้าและแมลง รวมถึงใส่ใจรักษาดูแลแผ่นดินเกิดมากขึ้นด้วย

 

          “กิจกรรมของโครงการสิ่งแวดล้อมดี นอกจากจะมีเวทีพูดคุยระดมสมอง การประชุมเชิงปฏิบัติการโดยวิทยากรที่เป็นนักวิชาการมาให้ความรู้แล้ว ยังได้ประสบการณ์จริงของผู้เคยเจ็บป่วยด้วยยาฆ่าหญ้ามาบอกเล่าความทุกข์ทรมานจากการมีสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดด้วย” นางบุญรวม ตาลช่วย ประธานเครือข่ายรักษ์สุขภาพ ต.ดอนทอง ถ่ายทอดกิจกรรมเปลี่ยนสุขภาพชาวชุมชนจากนรกบนดินเพราะฤทธิ์ยาฆ่าหญ้ามาเป็นสรวงสวรรค์จากการใกล้ชิดธรรมชาติบริสุทธิ์สะอาดมากขึ้น จากการทยอยลด ละ เลิก สารเคมี เพื่อการเกษตรที่อันตรายสูง แล้วหันมาใช้สมุนไพรธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่นมากำจัดวัชพืชแทน

 

          ก่อนเน้นว่าคู่มือปฏิบัติการใช้ยาฆ่าหญ้าอย่างถูกวิธี ที่เกิดจากการสรุปบทเรียนร่วมกันของชาวชุมชนดอนทอง ไม่เพียงฟื้นคืนสุขภาวะสภาพแวดล้อมข้างเคียง และผู้คนอย่างน้อยๆ ก็ 90 ครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโครงการสิ่งแวดล้อมดีเท่านั้น แต่ยังผลิดอกออกผลเป็นประสบการณ์ด้านการจัดการสุขภาพ ที่สามารถนำไปประยุกต์เป็นแบบอย่างแก่ชุมชนอื่นๆ ในการเสริมสร้างสุขภาพ จนกระทั่งปัจจุบันได้แพร่หลายในหลายพื้นที่แล้วด้วย

 

          ไม่ใช่แค่นั้น หลังดำเนินโครงการสิ่งแวดล้อมดี ศักยภาพชุมชนที่เคยอ่อนแอก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้นมาก จากความรักสมัครสมานสามัคคีที่ค่อยๆ เข้ามาแทนที่สภาวะต่างคนต่างทำ ขมีขมันกันใช้ยาฆ่าหญ้าหนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตในเรือกสวนไร่นา โดยหารู้ไม่ว่าตนเองต้องตกเป็นเหยื่อทั้งกับบริษัทยาฆ่าหญ้า และเตียงโรงพยาบาลไม่รู้จบ

 

          “ปีที่ผ่านมา ต.ดอนทองมีคนตายจากฤทธิ์ร้ายของยาฆ่าหญ้าสูงถึง 3 ราย แต่หลังจากเดินหน้าโครงการนี้แล้ว ก็น่าจะลดอัตราตายและเจ็บป่วยด้วยยาฆ่าหญ้าได้ เพราะชาวบ้านนอกจากจะกลับมาตระหนักถึงภัยอันตรายร้ายแรงใกล้ตัวแต่คาดไม่ถึงนี้มากขึ้นแล้ว ยังมีคู่มือปฏิบัติการใช้ยาฆ่าหญ้าที่ถูกต้องไว้อ้างอิง และเตือนภัยให้ตนเองและครอบครัวคอยระมัดระวังทั้งเวลาก่อนใช้ ขณะใช้ และหลังใช้ด้วย”

 

          ประธานเครือข่ายรักษ์สุขภาพ ต.ดอนทอง ย้อนเส้นทางความสำเร็จด้วยว่า กว่าจะมาถึงวันไถ่ถอนเป็นอิสระได้นั้น ต้องต่อกรกับความคุ้นเคยของชาวไร่ชาวนาที่พึ่งพาสารเคมีอย่างหนัก อีกทั้งยังต้องผสานเป้าหมายการทำงานและวิสัยทัศน์ร่วมกันกับสถานีอนามัยตำบลดอนทอง องค์การบริหารส่วนตำบลดอนทอง สำนักงานพัฒนาชุมชน ตลอดจนสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพิษณุโลกอย่างเข้มข้นด้วย

 

          การกระตือรือร้นของชาวบ้าน ผ่านการรวมตัวเป็นเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับภาคส่วนสังคมทุกแขนงเช่นนี้ นำพลังกระตือรือร้นด้านสุขภาพกลับมาสู่ชาวชุมชนทั้ง 8 หมู่บ้านใน ต.ดอนทอง ที่ประชากร 5,615 คน หรือราวร้อยละ 80 จากทั้งหมด 7,015 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำไร่ไถนาหากินบนผืนแผ่นดินไทย

 

          แม้ไม่อาจทำให้การใช้ยาฆ่าหญ้าไกลโฟเซทและกรัมม๊อกโซน ตลอดจนยาช้างแดงที่ทิ้งสารพิษตกค้างในนาและกระแสเลือดลดลงรวดเร็วนัก หากกระนั้น ก็ยังสร้างความหวังในการรักษ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อมแก่ชุมชนดอนทอง โดยการมีส่วนร่วมและจัดการปัญหาด้วยตนเอง ดังรูปธรรมที่การเจ็บป่วยด้วยสารเคมีตกค้างในกระแสโลหิต โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคติดต่อเช่นฉี่หนูและไข้เลือดออก อันเนื่องมาจากการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไม่ดี ลดน้อยลง

 

          การคร่ายาฆ่าหญ้าที่เป็น “ต้นทุนทำลายสุขภาพ สภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจ” ด้วยวิธีการถูกต้องเหมาะสม จึงฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจชาวชุมชนดอนทอง จนสามารถดำรงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมได้อย่างปลอดภัย อายุยืนยาว และมีความสุขในสังคมที่พัฒนาอย่างยั่งยืน

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ภาพประกอบ: อินเทอร์เน็ต

 

 

update 12-05-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code