“หนังตะลุง” สื่อสร้างสุขภาพ
สสส. ดึงศิลปินพื้นบ้านให้ความรู้สู่ชุมชน
การเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจและสังคม ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ประสบอยู่ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ค่านิยมที่ไม่ถูกต้องในการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายและส่งผลร้ายต่อจิตใจ
“ชมรมหนังตะลุง มโนราห์ เพลงบอก” จ.นครศรีธรรมราช ได้ตระหนักถึงปัญหาต่างๆ เหล่านี้ จึงได้ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำ “โครงการจอหนังตะลุงสื่อสร้างสุขภาพ” ขึ้นเพื่อใช้ศิลปะการแสดงพื้นบ้านของภาคใต้รณรงค์ให้ผู้ชมได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาหารการกินที่ปลอดภัย การออกกำลังกาย ต่อต้านการสูบบุหรี่ สุรา ยาเสพติด รวมทั้งสร้างความตระหนักในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัว
นายมนต์ชัย ศรชัย เลขาธิการชมรมหนังตะลุงฯ กล่าวถึงแนวคิดในการรณรงค์ส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนผ่านการแสดงพื้นบ้านอย่าง “หนังตะลุง” เพราะตระหนักว่าการเจ็บป่วยของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอุปโภคบริโภคอาหารหรือพืชผักที่ไม่ปลอดภัยไม่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะเรื่องของบุหรี่และเหล้า กลุ่มศิลปินพื้นบ้านจึงอยากจะใช้ศิลปะการแสดงพื้นถิ่นของภาคใต้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างน้อยที่สุดให้กลุ่มศิลปินนักแสดงหันกลับมาดูแลตนเองมากขึ้นเพราะเรื่องของสุขภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ถ้ามีสุขภาพกายที่ดี ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สุขภาพจิตก็จะต้องดีตามไปด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพจิตดี มีเงิน มีทอง แต่ว่าป่วยเป็นโรคเจ็บออดๆ แอดๆ มันก็มีความทุกข์อยู่ตลอด ศิลปินพื้นบ้านจึงพยายามรณรงค์ผ่านการแสดงหนังตะลุงเพื่อให้ผู้ชมลดการมีภาวะเสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ให้เขาหันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง รวมไปถึงคนรอบข้างให้มีสุขภาพที่ดี” นายหนังมนต์ชัยกล่าว
โดยโครงการนี้ทาง สสส. ได้สนับสนุนการดำเนินงานด้วยการจัดทำ “จอหนังตะลุง” ขนาดความสูง 1.6 เมตร ยาว 6 เมตรจำนวน 44 ผืน ให้กับสมาชิกของชมรมหนังตะลุงฯ เพื่อใช้ในการแสดงตามงานต่างๆ ไปพร้อมกับรณรงค์ให้ความรู้ สร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนให้เห็นถึงผลดีของการสร้างเสริมสุขภาพ อันจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งบนจอหนังยังมีคำขวัญต่างๆ เพื่อกระตุ้นเตือนใจผู้ชมอาทิ “สุขภาวะที่ยั่งยืน บนวิถีชีวิตพอเพียง” เป็นต้น
นายเฉลียว ด้วงสิน หรือ “หนังรุ่งฟ้า แสงทอง” วัย 67 ปี ประธานชมรมหนังตะลุง มโนราห์ เพลงบอก บอกว่าทุกครั้งที่มีการประชุมสมาชิกในชมรม ก็จะพยายามกระตุ้นเตือนศิลปินให้นำเรื่องราวสาระความรู้ด้านการดูแลสุขภาพไปบอกกล่าวให้กับผู้ฟังทุกครั้ง ซึ่งตัวศิลปินเองก็ต้องคอยติดตามข่าวสารต่างๆ ด้านสุขภาพในสังคมอยู่เสมอ เพื่อให้เนื้อหาที่สอดแทรกไปนั้นมีความทันสมัยทันเหตุการณ์ แต่ประเด็นหลักที่มักจะสอดแทรกอยู่ทุกครั้งก็คือการเฝ้าระวังเรื่องของยาเสพติด
“ศิลปินพื้นบ้านจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้เตือนสติ ไม่ให้ผู้ชมหลงไปตามกระแส จะวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด รับฟังข้อมูลจากทุกๆ ด้าน เป็นสื่อพื้นบ้านที่ช่วยสื่อสารสิ่งดีๆ ให้กับผู้ชม ซึ่งนอกไปจากความบันเทิงแล้วศิลปินพื้นบ้านจะต้องให้สิ่งดีๆ กับคนดู ให้สาระ ข้อคิด โดยนำเรื่องของสุขภาพมาแทรกเข้าไปโดยให้อิงกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด” นายหนังรุ่งฟ้ากล่าว
ซึ่งสาระความรู้ต่างๆ ด้านสุขภาพศิลปินพื้นบ้านสามารถสอดแทรกเข้าไปในระหว่างการแสดงหนังตะลุงได้อย่างไม่ขัดเขิน ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะและเทคนิคของนายหนังแต่ละคน ส่วนวิธีการนำเสนอก็จะไม่ซ้ำกันโดยขึ้นอยู่กับงาน สถานที่ ผู้ชม ซึ่งปกติแล้วผู้ชมมักจะชอบให้แทรกเนื้อหาเหล่านี้เข้าไปในตอนบทสนทนา เพราะช่วงร้องเป็นบทกลอนมักจะฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ถ้าเป็นช่วงบทพูดก็จะฟังได้ชัดเจน
ร.ต.อ.อาคม จอนนุ้ย หรือ “หนังอาคม ตะลุงสากล” ศิลปินพื้นบ้านที่รับราชการเป็นตำรวจอยู่ที่ สภอ.เมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หนังตะลุงมีส่วนช่วยป้องกันปัญหาด้านยาเสพติด เด็กและเยาวชนได้โดยนำเอาเรื่องราวของคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของตนเองมาเล่าสู่กันฟัง
“อย่างเรื่องของกฎหมายที่ฟังเข้าใจยาก หรือเรื่องของสุขภาพก็เอามาพูดคุยให้เข้าใจง่ายๆ ผ่านบทสนทนาของตัวละคร ซึ่งส่วนมากจะแทรกในช่วงตลกเพราะผู้ชมมักจะเครียดมาจากการทำงาน เราก็จะแสดงให้มีมุขตลกสอดแทรกความรู้เข้าไปผู้ชมก็จะให้ความสนใจมากกว่า” นายหนังอาคมระบุ
นายประเสริฐ ช่วยสงเคราะห์ หรือ “หนังครูประเสริฐ บันฑิตศิลป์” และ นายสนั่น ช่วยแก้ว หรือ “หนังสนั่นน้อย สงวนศิลป์” กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าช่วงเวลาที่สอดแทรกสาระความรู้ด้านต่างๆ ได้ดีที่สุดก็คือช่วงตลก เพราะสามารถพูดคุยได้เป็นเวลานานและคุยได้ทุกเรื่อง
“มุมมองทางการเมือง การใช้ปุ๋ย ยา สารเคมีกำจัดศัตรูพืช การกินอาหาร ผักพื้นบ้าน การออกกำลังกาย การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ฯลฯ สามารถแทรกได้ตลอดเพราะชาวบ้านจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวหนังมีชีวิต และสิ่งที่ตัวหนังพูดคุยกันนั้นเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวบ้าน” นายหนังประเสริฐกล่าว
“หนังวิชิต หอบันเทิงศิลป์” หรือ นายวิชิต ทองสุข วัย 72 เล่าถึงการสอดแทรกความรู้ด้านสุขภาพผ่านตัวหนังตะลุงว่าสามารถคุยผ่านตัวหนังได้ทุกเรื่องไม่ว่าขณะนั้นจะแสดงเรื่องอะไรก็ตาม
“ไม่ว่านิทานพื้นบ้าน หรือเรื่องผู้ชมชอบมากๆ เช่นสวรรค์บันดาล สายน้ำสายเลือด ก็สามารถนำความรู้ด้านสุขภาพเข้ามาพูดคุยได้ แต่ต้องให้มีความทันสมัยทันเหตุการณ์” นายหนังวิชิตกล่าว
โครงการจอหนังตะลุงสื่อสร้างสุขภาพ นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับศิลปินพื้นบ้านแต่ละคนในแง่ของการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมด้วยการให้สาระความรู้ข้อคิดดีๆ กับผู้ชมแล้ว และยังทำให้สังคมได้รัยบรู้ว่าศิลปินพื้นบ้านได้อุทิศตนเองในการทำงานเพื่อสังคมที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม
“ในส่วนของผู้ชมนอกจากได้ความบันเทิงจากการแสดงแล้ว ก็จะได้สาระความรู้ ได้ข้อคิดไปจากหนังตะลุงที่สื่อสารเรื่องราวต่างๆ ด้านสุขภาพออกไป อย่างน้อยก็จะช่วยปลูกจิตสำนึก สร้างความตระหนัก หรือในช่วงเวลาหนึ่งที่เขาได้ยินตัวหนังตะลุงพูด คำพูดเหล่านั้นก็อาจสะกิดใจให้เขาหันมาดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว ทำให้คนในสังคมหันมาดูแลกันและกันในเรื่องของสุขภาพและยาเสพติดที่มีพิษภัยร้ายต่อสังคมมากขึ้น” นายหนังมนต์ชัยกล่าวสรุป
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
update 09-03-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ฤทัยรัตน์ ไกรรอด