สามล้อไทย ปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจาก สสส.
"โควิดมามันกระทบอะไรกับ พวกผมหรือไม่ กระทบสิ กระทบมากเลย จากที่เคยหาเงินจนแทบจะไม่ได้อยู่คราวนี้ กลับต้องมาอยู่บ้านเป็นเดือนๆ จากที่หาเงินได้วันละเป็นพัน มาวันนี้แทบจะหาไม่ได้เลย ดีนะที่ผมยังมีลูกหลานมาช่วยเหลือ แต่สำหรับคนที่เขาไม่มีล่ะ."
สิ้นเสียงตัดพ้อของ ชินพัฒน์ ต่อรัตน์ ประธานเครือข่ายสามล้อไทย ที่ต้องการจะส่งเสียงให้สังคมได้รับรู้ ถึงผลกระทบที่เขาได้รับเมื่อต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19
การดำเนินชีวิตวิถีใหม่หรือ "New normal" ถูกนำมาพูดถึงใน วงกว้างมากขึ้น นับจากนี้ไปการใช้ชีวิตของประชาชนจะเปลี่ยนไปจากเดิม….หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การเว้นระยะห่างทางสังคม กลายเป็นสิ่งที่ ทุกคนต้องมี ต้องทำ เพื่อป้องกันการ ติดเชื้อและแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กลุ่มผู้ขับรถสามล้อเป็นอีก หนึ่งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการ ล็อกดาวน์ประเทศ ชินพัฒน์ กล่าวต่อหลังจบเวทีกิจกรรม "ชีวิตวิถีใหม่ สามล้อขับขี่ปลอดภัย ลดเสี่ยง โควิด-19" ว่า
เมื่อมีเคอร์ฟิว ไม่มีนักท่องเที่ยว แถมคนทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำให้พวกเขาไม่รู้จะไปหาผู้โดยสารจากที่ไหน ผู้คนก็ไม่กล้าใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะ โดยเฉพาะตนเองที่ส่วนมากทำมาหากินย่านเยาวราชได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะรายได้แต่ละวันหักค่าแก๊ส
ค่าผ่อนรถแทบไม่มีเหลือ บางวันถึงกับไม่มีรายได้เลย ยิ่งช่วงที่มีการแพร่ระบาดถึงกับต้องหยุดขับรถกันเลยทีเดียว
ชินพัฒน์บอกว่า รถสามล้อทั่วประเทศน่าจะมีมากถึงหลักพัน แต่ที่เครือข่ายสามล้อไทยมีเครือข่ายทั้งหมด 100 คันเท่านั้น ค่าใช้จ่ายหลักๆ ของคนขับคือ ค่าเช่า หรือค่าผ่อนรถ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมันรถ ค่ากินในแต่ละวัน หักรายจ่ายพวกนี้แล้วคือ 'รายได้สำหรับครอบครัว'
ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 สามล้อทุกคนต้องหยุดงาน เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่หลังจากรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการในเฟส 3 สามล้อเครื่องเริ่มทยอยกัน ออกมาประกอบอาชีพตามปกติ ซึ่งหลังจากที่ กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เข้าร่วมการอบรมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) เรื่องการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ เกิดเป็นข้อกำหนดในการงดรับผู้โดยสาร ที่ไม่สวมหน้ากากผ้า ส่วนคนขับรถต้อง
สวมหน้ากากผ้าและลดการพูดคุยกับผู้โดยสาร ขณะขับรถ มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการ มีการทำความสะอาดรถด้วยแอลกอฮอล์ อนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นรถได้ครั้งละ 1-2 คน และรับค่าโดยสารมาทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์หรือบางรายอาจใช้การโอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งอาจเป็นวิธีการที่ยุ่งยาก แต่ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เพราะกว่าประเทศจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกฝ่ายต้องทุ่มเททำงานอย่างหนัก และคงไม่มีใครอยาก กลับไปอยู่จุดเดิมอีก
"สิ่งที่เราย้ำกับเครือข่ายสามล้อไทยมาโดยตลอดคือวินัยจราจร ไม่ขับเร็ว ไม่ซิ่ง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ตัวผู้ขับขี่ และผู้ใช้รถใช้ถนน แม้ช่วงนี้ต้องให้ความสำคัญกับโควิด-19 แต่เรื่องขับขี่ปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะในแต่ละวันมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ สสส. ได้ให้โอกาสพวกเราในการเป็นสื่อกลางสื่อสาร รณรงค์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ เพราะทุกคนกำลังกังวลว่าหากคนไทยการ์ดตก ใช้ชีวิตเคยชินตามเดิม โอกาสระบาดอีกกลับมามีสูงแน่ๆ ดังนั้น แม้เราจะเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ แต่ก็อยากแสดงออกให้เห็นว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันจริงๆ" ชินพัฒน์ กล่าว
ด้าน รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาด ของโควิด-19 ทำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะ หันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น และหลายคนมีพฤติกรรมขับรถเร็วขึ้นเพราะถนนโล่ง สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นปัจจัย ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยสถิติจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงวันที่ 17 มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 6,354 คน ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีผู้เสียชีวิต 6,759 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ต่างกันมาก แม้จะมีมาตรการขอความร่วมมืองดการเดินทาง ในช่วงที่ผ่านมาจราจร ทำให้เห็นว่าการรณรงค์เรื่องนี้ยังต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง
รุ่งอรุณ กล่าวว่า ภาคีเครือข่าย สสส. ได้ออกแบบการรณรงค์ครั้งนี้ ด้วยการจำลองขบวนผ้าป่าอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลตัวเองและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม แม้สถานการณ์กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังรณรงค์ครอบคลุมไปถึงการไม่สูบบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มความรุนแรงของการติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้นจากคนปกติถึง 14 เท่า ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น 3 เท่า ที่สำคัญยังได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายสามล้อไทย ร่วมรณรงค์ตอกย้ำการขับขี่ปลอดภัย รักษาวินัยจราจร ซึ่งเป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคชีวิตวิถีใหม่ ชีวิตดีเริ่มที่เรา ซึ่งเราทุกคน ทุกสาขาอาชีพ ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัวลง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสังคมที่ปลอดโควิด
นับจากนี้ไปวิถีชีวิตใหม่ จะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป และเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องตระหนัก และรับผิดชอบต่อสังคมในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและปลอดภัยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่รู้จะ จบลงเมื่อไร