สานพลัง คณะวิทยาการเรียนรู้ฯ ม.ธรรมศาสตร์ – ภาคีเครือข่าย เปิดเวทีระดมสมองพัฒนาฐานข้อมูลผู้สูงอายุ LGBTIQN+ พร้อมเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าร่วม

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

                    สสส. สานพลัง คณะวิทยาการเรียนรู้ฯ ม.ธรรมศาสตร์ – ภาคีเครือข่าย เปิดเวทีระดมสมองพัฒนาฐานข้อมูลผู้สูงอายุ LGBTIQN+ พร้อมเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าร่วม หวังดันนโยบายเพื่อสังคมสูงวัยที่มีความหลากหลายทางเพศ รับเลือกตั้ง66

                    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดประชุมออนไลน์โครงการการศึกษาสถานการณ์สุขภาวะทางเพศ สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ของกลุ่มประชากรสูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTIQN+) ในประเทศไทย เชิญพรรคการเมือง 4 พรรค แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาฐานข้อมูล ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสังคมสูงวัยที่มีสุขภาวะ ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเสมอภาค พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยสร้างไทย

                    นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือกลุ่ม LGBTIQN+  เป็นประชากรที่ สสส. ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะคนกลุ่มนี้มีความซ้อนทับในมิติสุขภาวะหลายแง่มุม มักถูกสังคมมองข้าม ทำให้ สสส. ต้องการรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงสานพลังภาคีเครือข่ายที่มีผู้เชี่ยวชาญ ขับเคลื่อนโครงการฯ ที่จะสำรวจความทุกข์ยาก อุปสรรค และการก้าวข้ามปัญหา เพื่อนำมาประเมินข้อมูลสุขภาวะ เช่น ร่างกาย จิตใจ ชีวิตความเป็นอยู่ รูปลักษณ์ ความสัมพันธ์ การตีตราและการถูกเลือกปฏิบัติ เพื่อนำฐานข้อมูลมาพัฒนา และออกแบบการดูแล LGBTIQN+ ทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิ สวัสดิการ สร้างหลักประกันชีวิตและสุขภาพที่เป็นธรรม ให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมสูงวัยได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยที่ทุกคนยอมรับความแตกต่างของกันและกัน

                    ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ  ประสบปัญหาสุขภาวะที่แตกต่างจากผู้สูงอายุทั่วไป เพราะสังคมในสมัยก่อนอาจยังไม่ยอมรับเรื่องเพศวิถีที่ไม่ตรงกับเพศสภาพเท่าปัจจุบัน จึงเกิดปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต และทางเลือกในการประกอบอาชีพ  ส่งผลต่อรายได้ที่ไม่เอื้อในการใช้ชีวิต ขณะที่ผู้สูงอายุที่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพตามเพศวิถี เมื่ออายุมากขึ้น พบว่าอาจเจอปัญหาสุขภาพหากไม่มีการดูแลที่ถูกต้อง จึงเป็นที่มาของการจัดทำโครงการฯ นี้ขึ้น เพื่อสะท้อนสถานการณ์ผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย จุฬาลงกรณ์ฯ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย ฯลฯ  นำมาสู่การออกแบบกระบวนการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ และขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผู้สูงอายุ LGBTIQN+ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

                    นักวิชาการด้านผู้สูงอายุ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัย เป็นเรื่องที่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังเข้าสู่อายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุที่ย้ายถิ่นฐาน ผู้สูงอายุที่ต้องการได้รับการพึ่งพิงจากครอบครัวหรือรัฐสวัสดิการ เพราะเจ็บป่วย พิการ ทุพพลภาพ แต่อีกกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ผู้สูงอายุ LGBTIQN+  คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลแบบเป็นพิเศษ พบปัญหาใหญ่ 3 ประเด็น 1.ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ไม่มีเงินเก็บ ฐานะยากจน 2.ถูกเลือกปฏิบัติจากสังคม ไม่มีงานทำ ถูกกดทับเพราะเป็นคนข้ามเพศ 3.ระบบสวัสดิการไม่ครอบคลุม ไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตตามเพศวิถี มีข้อเสนอว่ารัฐต้องให้ความสำคัญกับนโยบายที่แก้ปัญหาตรงจุด และทำได้ระยะยาว ต้องคำนึงถึง 4 ความแตกต่าง คือ ความชุกของปัญหา ที่มาที่ไป ความรุนแรง และวิถีชีวิต นอกจากนี้เสนอให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ เพิ่มประเด็นคำถามสำรวจผู้สูงอายุที่เป็น LGBTIQN+  เพื่อนำข้อมูลมาแก้ปัญหาเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น จัดตั้งหน่วยงานที่มีฝ่ายดูแลผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บ แต่ไม่มีลูกหลาน ช่วยดูแลทรัพย์สินในบั้นปลายชีวิต เพื่อบริหารให้มีเงินเพียงพอหลังเกษียณ หรือส่งเสริมการจ้างงานให้กลุ่มเปราะบาง มีรายได้ดูแลตัวเอง ไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากเพศสภาพที่ไม่ตรงกับเพศวิถี

 

Shares:
QR Code :
QR Code