สสส.เปิดพื้นที่ทางใจให้โจ๋ไทย

แสดงความสามารถอย่างสร้างสรรค์

 

 สสส.เปิดพื้นที่ทางใจให้โจ๋ไทย

        

             สโลแกน เด็กดื้อไม่มี มีแต่ผู้ใหญ่ดื้อเป็นจุดเด่นในการเสวนา เข้าถึง เข้าใจ… หัวใจเด็กดื้อยุค 3G” ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดตัวโครงการ เปิดพื้นที่หัวใจวัยโจ๋ของแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สสส. ที่ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยการเสวนาวิทยากรแต่ละท่านได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความดื้อในวัยรุ่นและการแปลความดื้อในตัวเป็นพลังสร้างสรรค์ก่อนเข้าสู่ช่วงเสวนา

 

            นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สสส. เปิดเผยผลสำรวจสุขภาพจิตของคนไทยปี 2552 ที่พบว่าเยาวชนไทยที่อายุระหว่าง 15-24 ปี มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุด เมื่อเทียบกับวัยอื่น ๆ และหนึ่งในสามของเยาวชนไม่มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อมีเหตุการณ์คับขันหรือร้ายแรงเกิดขึ้น นอกจากนี้ เยาวชนยังเป็นกลุ่มอายุที่มีความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่นน้อยที่สุดด้าน

 

             ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดประเด็นทันทีว่า เด็กดื้อไม่ใช่ปัญหา หากดื้ออยู่ในขอบเขต และการดื้ออยู่ในขอบเขตอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนทางสังคมในทางที่ดีขึ้นด้วย ดร.ปริญญา ชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเกิดจากผู้ใหญ่และเด็กเรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่แวดล้อมซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี และอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องนี้มี 2 มิติ 1) ผู้ใหญ่ที่ห้ามเด็ก เพราะไม่ถูกใจ ผลที่ตามมาในกลุ่มนี้คือเด็กจะแอบทำ และกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รับผิดชอบสังคม 2) ผู้ใหญ่ที่ตามใจเด็ก เพราะถูกใจ ผลที่ตามมาคือเด็กโตขึ้นจะเป็นคนตามใจตัวเองหากเด็กอยากดื้อก็ให้ดื้ออยู่ในกติกา เด็กทุกคนเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง เด็กต้องมีเสรีภาพควบคู่กับความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะมีแต่ผู้ใหญ่มีเสรีภาพแต่ไม่มีความรับผิดชอบ เด็กที่ถูกห้ามตลอดเวลาโตขึ้นอาจกลายเป็นเสียตัว เสียคน เสียชีวิต

 

            ดังนั้นพ่อแม่ควรสอนให้เด็กมีเสรีบนความรับผิดชอบ และสังคมที่แย่ทุกวันนี้เพราะทุกคนโทษแต่คนอื่น ไม่ได้คิดแก้ปัญหาที่ตัวเองตบท้ายการเสวนาด้วย 2 วัยรุ่นที่กำลังมาแรง โทนี่ รากแก่น และเต๊ะ-ศตวรรษโดย เต๊ะ-ศตวรรษ เล่าว่า ที่มายืนอยู่ในจุดนี้ได้เพราะความมีอิสระทางความคิดในครอบครัวที่ให้มาพร้อมกับการช่วยประคองจากพ่อแม่ เพราะในช่วงรอยต่อที่เขาต้องไปทำงานที่ประเทศไต้หวันด้วยวัยเพียง 17 ปี ทำให้เกิดความกังวล ลังเลมากมาย มีทั้งเสียงคัดค้าน เสียงสนับสนุน ทำให้สับสนวุ่นวายในชีวิต ซึ่งขณะนั้นตัวเองก็เริ่มมั่นใจที่จะก้าวไปตามฝันของตัวเองไปทำงานที่ประเทศไต้หวันแล้ว

 

            เต๊ะบอกว่าตอนนั้นคิดแล้วว่าหากแพ้ก็ไม่เป็นไรเพราะได้ทำตามฝันแล้ว แต่หากชนะก็เป็นความภาคภูมิใจ เต๊ะ ให้ข้อคิดว่า หากอยากอิสระ อยากดื้อ ก็ขอให้มีพ่อแม่คอยประคองอยู่ห่าง ๆ เมื่อนั้นเราก็จะประสบความสำเร็จ

            

            ด้าน โทนี่ เล่าว่าชีวิตส่วนใหญ่อยู่ประเทศออสเตรเลีย อยู่กับพี่สาว เพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ปีกว่า ตอนอยู่ต่างประเทศลองผิดลอง  ถูกด้วยตัวเอง เงินที่คุณแม่ส่งมาก็นำไปลงทะเบียนเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบคือศิลปะ ส่วนเงินที่เหลือเอาไปทำอย่างอื่นหมด โทนี่ ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างเกเร แต่เกเรแบบขี้เกียจเรียนหนังสือชอบแต่ศิลปะ ค้นพบว่าตัวเองชอบแต่ศิลปะ ทำให้ชอบหาความรู้เกี่ยวกับศิลปะ เกิดความรู้เกี่ยวกับศิลปะ และไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เมื่ออยู่กับศิลปะ กลับได้รับแต่ความสุข พร้อมให้ข้อคิดถึงวัยรุ่นไทยว่า วัยรุ่นต้องเริ่มค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ มองเข้าไปที่ตัวเอง ค้นหาสิ่งที่ตัวเองถนัด เพราะหากถนัดแล้วเราก็จะมีแรงที่จะเรียนรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ เกิดความสุขที่จะทำผู้ใหญ่ส่วนมากจะตัดสินความถูกผิด และไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ส่งผลให้เด็กขาดพื้นที่ในการค้นหาตัวเอง และขาดโอกาสในการได้ทำสิ่งดี ๆ ที่ตนเองจะรู้สึกภาคภูมิใจ

 

            โครงการ เปิดพื้นที่หัวใจวัยโจ๋เป็นการเปิดพื้นที่ในการแสดงออกให้กับเยาวชน และเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างเยาวชนและผู้ใหญ่ในสังคมให้มากยิ่งขึ้นโครงการนี้ได้คัดเลือกพื้นที่ 20 จังหวัดจากทั่วประเทศ จัดอบรมเยาวชนจำนวนรวม 1,200 คน ในเทคนิคผลิตวิดีโอคลิปเพื่อสะท้อนภาพชีวิตและมุมมองของเยาวชน พร้อมเปิดรับผลงานวิดีโอคลิปความยาว 1-3 นาที จากผู้มีอายุระหว่าง 13-17 ปี หรือกำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษาหรือเทียบเท่า จากทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมประกวดแข่งขัน ชิงเงินรางวัลรวม 1 แสนบาท ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dekdue.com ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2553 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สุรางค์ ศิริมหาวรรณ 08-9115-1866

 

 

 

 

 

 

ที่มา:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  

 

 

 

Update 08-12-52

อัพเดทเนื้อหาโดย :  กิตติยา  ธนกาลมารวย

 

 

 

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code