สสส.มอบรางวัลสถานประกอบการปลอดบุหรี่ 122 แห่ง
ปกป้องจากควันพิษได้เกือบแสนคน
สสส. มอบโล่รางวัลสถานประกอบการปลอดบุหรี่ 122 แห่ง ปกป้องจากควันพิษได้เกือบแสนคน ชี้ ผลสำเร็จเลิกบุหรี่ได้จริง 12% เตือนประกาศกระทรวงบังคับใช้แล้วผู้ประกอบการ มีสิทธิโดนปรับ 2 หมื่น เผย วัยแรงงาน เสี่ยงตายผ่อนส่ง สูดพิษควันมือสอง ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจมากสุด
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่กรมประชาสัมพันธ์ ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัล แก่สถานประกอบการปลอดบุหรี่ 122 แห่ง ในงาน “มหกรรมเครือข่ายสถานประกอบการไทย ร่วมใจ ชนะภัยบุหรี่” จัดโดยสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แผนพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ดร.จิรพล สินธุนาวา อุปนายกสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และที่ปรึกษาแผนงานพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยวัยแรงงานที่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีจำนวน 53.34 ล้านคน จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ขณะนี้คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ถึง 10.9 ล้านคน โดยเป็นผู้ที่สูบเป็นประจำถึง 9.5 ล้านคน สถานที่ทำงานหรือสถานประกอบการ เป็นแหล่งที่ผู้ใหญ่ได้รับควันบุหรี่มือสองมากที่สุด เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีพนักงานปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นเวลายาวนานถึง 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ในสถานประกอบการยังไม่สามารถทำได้ 100% เพราะยังไม่มีการจัดหาสถานที่สูบบุหรี่ที่เหมาะสมให้
ดร.จิรพล กล่าวว่า สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญในการคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยสร้างแรงจูงใจและชักชวนให้สถานประกอบการเห็นความสำคัญต่อสุขภาพของพนักงาน โดยไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในอาคาร จัดสถานที่สูบบุหรี่ และการรณรงค์ ให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ด้วย ซึ่งมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมแล้วจำนวน 122 แห่ง คิดเป็นพนักงานที่ได้รับการคุ้มครองสุขภาพถึง 88,892 คน โดยสถานประกอบการที่ให้ความสนใจเข้าร่วมมากที่สุด เป็นประเภทอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องมีกระบวนการผลิตที่สะอาด รองลงมาเป็นสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ซึ่งหากสถานประกอบการทั่วไปสามารถจัดพื้นที่ปลอดบุหรี่ในที่ทำงานได้ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของพนักงานทุกคน
“ขณะนี้ประกาศทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 19 พ.ศ. 2553 เรื่องการกำหนดสถานที่สาธารณะและที่ทำงานเป็นเขตปลอดบุหรี่ มีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้ภายในสถานประกอบการเอกชนจะต้องเป็นที่ปลอดบุหรี่ 100% หากผู้ประกอบการไม่จัดให้เป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ จะถือว่าละเมิดกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการจะมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท”ดร.จิรพล กล่าว
ดร.ศันสนีย์ กีรติวิริยาภรณ์ ผู้จัดการแผนพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ สสส. กล่าวว่า จากการสำรวจสุขภาพแรงงานที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า ผู้สูบบุหรี่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอบ่อยๆ และเหนื่อยง่าย ซึ่งบางรายส่งผลต่อการทำงานด้วย ทั้งนี้ จากการเข้าร่วมโครงการฯ ของสถานประกอบการ จำนวน 122 แห่ง พบว่ามีสถานประกอบการ 74 แห่งที่มีการส่งเสริมให้เกิดโครงการเลิกบุหรี่แก่แรงงานด้วย ทำให้มีแรงงานที่สามารถเลิกบุหรี่ได้ประมาณ 12% โดยมีการส่งเสริมกิจกรรมอื่นๆร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกาย ทั้งนี้ เจ้าของสถานประกอบการให้ความร่วมมือ และมีความสนใจก็จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแรงงานได้สำเร็จ ซึ่งได้มีการถอดบทเรียนเพื่อทำให้สถานประกอบการอื่นๆ สามารถนำไปดัดแปลงใช้ในองค์กรได้
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update : 30-06-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ