สสส. ผนึก ครู-ตำรวจ D.A.R.E ทั่วกรุงเทพฯ ปั้นเกมการ์ด ปลูกฝังเยาวชน “บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด”
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส. สานพลัง ครูตำรวจ D.A.R.E ทั้ง 88 สถานีตำรวจทั่วกรุงเทพฯ ออกแรงป้องกันเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัย ด้วยเกมการ์ดนวัตกรรมใหม่ ให้ความรู้ บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด ครอบคลุมนักเรียนกว่า 14,000 คน พร้อมลุยขยายผลทั่วประเทศ
วันที่ 24 ก.ค. 2568 น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสนร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2567 พบคนไทยมีแนวโน้มสูบบุหรี่ลดลงอยู่ที่ 16.5% แต่มีคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเป็น 900,459 คน เป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี 251,625 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 11 เท่า ภายในเวลา 3 ปี สะท้อนว่าอุตสาหกรรมยาสูบมีการปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุทางถนน จากข้อมูลบูรณาการ 3 ฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข พบไทยยังมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 15,000 คน เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 74.5% เหตุไม่สวมหมวกนิรภัย 86% ที่น่าห่วงคือกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปี ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก แต่สวมหมวกนิรภัยเพียง 46% สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน กระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
“สสส. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการศึกษา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินโครงการส่งเสริมความปลอดภัยในเด็ก และเยาวชน “บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด” ได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้แนวใหม่โดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-Based Learning) ในรูปแบบ ‘เกมการ์ดบุหรี่ไฟฟ้า’ และ ‘เกมหมวกนิรภัย’ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และกระตุ้นพฤติกรรมการสวมใส่หมวกนิรภัยขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ ที่ออกแบบการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียนเป็นกลุ่มเด็ก เยาวชน โดยจัดอบรมวิธีการใช้สื่อแก่ครูตำรวจ D.A.R.E (ครูแดร์) ตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ (ชมส.) และตำรวจจราจรที่เป็นวิทยากรหลัก(ครู ก) จากนครบาล 1-9 เพื่ออบรมขยายผลไปยังตำแทนตำรวจสถานีละหนึ่งคน (ครู ข) ที่ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนสถานีตำรวจ 88 สถานีกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลในสถานศึกษาครอบคลุมเด็กและเยาวชนกว่า 14,000 คนภายในเดือน ก.ย. นี้” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาและชุมชน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนค่อนข้างวิกฤต ที่ผ่านมาได้มีข้อสั่งการให้มีโครงการ 1 ตำรวจ 1 โรงเรียน ให้ตำรวจขยายผลการทำงานไปทุกโรงเรียนในพื้นที่ รวมถึงแจ้งให้ทุกสถานีตำรวจ ร่วมกับสถานศึกษานำเด็กที่ติดบุหรี่ไฟฟ้าไปบำบัดที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร และสร้างนักเรียนแกนนำให้เบาะแสบุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด รวมถึงเรื่องการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งเป็นอีกนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขับเคลื่อนให้กรุงเทพฯ ให้เป็นนครแห่งความปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100%
“การมีเครื่องมือการเรียนรู้ที่สร้างบนฐานคิดของ Game-Based Learning จะช่วยให้ตำรวจจราจรมีเครื่องมือในการเสริมสร้างให้เด็ก และเยาวชนมีพฤติกรรมที่ปลอดภัยเมื่อซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ในการเดินทาง และสะกิดเตือนให้ผู้ปกครองสวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ จึงขอให้ครูแดร์ที่เข้าอบรมนำเอาเทคนิคที่ได้เรียนรู้จากการอบรมไปใช้ และให้ทุกสถานีตำรวจรายงานผลการนำไปใช้ด้วย” พล.ต.ต.พัลลภ กล่าว
พล.ต.ต.ดร.สุรศักดิ์ เลาหพิบูลย์กุล อาจารย์ (สบ 6) กลุ่มงานอาจารย์ กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าโครงการส่งเสริมความปลอดภัยในเด็ก และเยาวชน “บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด” สนับสนุนโดยสสส. กล่าวว่า ได้ร่วมกับสสส. พัฒนาสื่อการเรียนรู้แนวใหม่โดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-Based Learning) ในรูปแบบของเกมการ์ดให้ความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าชื่อ “ผู้กล้าฝ่าควันร้าย” และ “เกมหมวกนิรภัย” มีเนื้อหาเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายคือ เด็กและเยาวชนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย-มัธยมศึกษาตอนต้น ถือเป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิตที่จะทำให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านความสนุก ฝึกทักษะจริง จดจำบทเรียนได้ เรียนรู้ทางเลือกในการปฏิเสธไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในสถานการณ์เสี่ยง และเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย