
สสส. ชู 3 กลยุทธ์ รับมือโรค NCDs อย่างยั่งยืน มุ่งปรับพฤติกรรม ป้องกันภัยเงียบคร่าชีวิตคนไทย 1,000 คน/วัน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
ภัยเงียบ NCDs คร่าชีวิตคนไทย 1,000 คนต่อวัน สสส. ชู 3 กลยุทธ์ เวชศาสตร์วิถีชีวิต-ชุดเครื่องมือ Healthy Lifestyle NCDs Package-มาตรการลดบริโภคโซเดียม มุ่งป้องกัน รักษา ฟื้นฟู ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชน รับมือโรค NCDs อย่างยั่งยืน
วันที่ 18 ต.ค. 2568 รศ.ดร.นพ.ภูดิท เตชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาวะพิสิฐ กล่าวว่า สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ภายใต้หัวข้อ “โภชนาการกับการกินดี มีสุข Nutrition and Holistic Well-Being” เมื่อวันที่ 6-7 ต.ค. ที่ผ่านมา ภายในงานได้นำเสนอการขับเคลื่อนงานโภชนาการ เพื่อส่งเสริมแนวทางการรับมือโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ผ่าน 3 กลยุทธ์ 1.เวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) 2.ขับเคลื่อนชุดเครื่องมือ Healthy Lifestyle NCDs Package ในสถานประกอบการ 3.มาตรการลดการบริโภคเกลือและโซเดียมระดับชาติ
“NCDs เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของไทย ทั้งในมิติจำนวนการเสียชีวิตและภาระโรค จากรายงานเหตุผลสนับสนุนการลงทุนในมาตรการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในประเทศไทย ปี 2564 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบไทยเสียชีวิต 4 แสนคนต่อปี เฉลี่ยวันละ 1,000 คน คิดเป็น 74% ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมดในไทย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ภาคีเครือข่ายด้านอาหารจึงได้กำหนดกลยุทธ์ เวชศาสตร์วิถีชีวิต ให้เป็นแนวทางในการป้องกัน รักษา และฟื้นฟูโรค NCDs ที่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 6 ด้าน 1.อาหาร ครบ 5 หมู่ ลดหวาน มัน เค็ม 2.ออกกำลังกาย อย่างเหมาะสม 3.จัดการความเครียด 4.พักผ่อนให้เพียงพอ 5.ลด ละ เลิก หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงยาเสพติด 6.สร้างสุขภาพใจที่ดี” รศ.ดร.นพ.ภูดิท กล่าว
ผศ.ดร.วันดี ศิริโชคชัชวาล วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โครงการสนับสนุนวิชาการภายใต้กรอบ Healthy Lifestyle NCDs Package และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์งานสร้างเสริมสุขภาพและลดปัจจัยเสี่ยงโรค NCDs สนับสนุนโดย สสส. ได้พัฒนากลยุทธ์ จัดทำ “ชุดเครื่องมือสุขภาวะ 4 มิติ ในสถานประกอบการ” ครอบคลุมกาย จิต ปัญญา สังคม รับมือโรค NCDs พัฒนา “ชุดเครื่องมือ Healthy Lifestyle NCDs Package” ซึ่งเป็นกลไกช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยเข้าถึงและใช้สื่อสุขภาพลดปัจจัยเสี่ยงได้ง่าย ชุดเครื่องมือนำไปใช้ได้ 3 ระดับ ระดับ 1 สื่อที่พร้อมให้ดาวน์โหลดและใช้งานได้ทันที ระดับ 2 คู่มือที่ต้องดำเนินงานผ่านการจัดกิจกรรม ระดับ 3 โปรแกรมหรือหลักสูตรฝึกอบรมการสร้างเสริมสุขภาพลดปัจจัยเสี่ยงโรค NCDs โดยชุดเครื่องมือนี้ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับทุกกลุ่มวัยรวมถึงกลุ่มเปราะบาง โดยสถานประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อภาคีเครือข่ายของ สสส. เพื่อขอรับและดำเนินการผ่าน 3 ขั้นตอน 1.เลือก (Select) สื่อให้ตรงกับปัญหาและกลุ่มเป้าหมาย 2.ปรับ (Adapt) สื่อร่วมกับผู้บริหารและพนักงาน 3.ติดตามประเมินผล (Monitor/Evaluate) เพื่อเสริมสร้างการดำเนินงานสุขภาพขององค์กร
“สสส. ได้จัดกิจกรรมเสริมความรู้และฝึกปฏิบัติการใช้ชุดเครื่องมือให้บุคลากรในสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์ โดยมีการนำไปใช้อย่างสร้างสรรค์ เช่น การติดตั้งโปสเตอร์ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ลดหวาน มัน เค็ม รวมถึงการใช้ช้อนลดเค็ม ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ภาคีเครือข่ายพัฒนาร่วมกับ สสส. จากการประเมินผล พบว่าผู้เข้าร่วมมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น สามารถลดการบริโภคหวาน มัน เค็ม ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และน้ำหนักตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากผู้บริหารสนับสนุนด้านนโยบาย ทำให้เกิดแกนนำสุขภาพภายในองค์กร และเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นให้พนักงานเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างยั่งยืน” ผศ.ดร.วันดี กล่าว
น.อ.หญิง พญ.วรวรรณ ชัยลิมปมนตรี เลขาธิการเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า ไทยเผชิญวิกฤต “การบริโภคเค็มเกิน” จากข้อมูล พบว่าคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด (แนะนำให้บริโภคไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน) ส่งผลให้ไทยมีผู้ป่วยที่สัมพันธ์กับการบริโภคโซเดียม ได้แก่ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ระยะที่ 1-5 กว่า 8 ล้านคน ซึ่งผู้ป่วยระยะ 5 ต้องเข้าคิวรับการบำบัดทดแทนไตเพิ่มขึ้นปีละกว่า 20,000 คน ผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยด้วยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พบว่า ไทยยังติดอันดับ 2 ของโลก ในด้านความชุกของโรคความดันโลหิตสูง 9% และโรคอ้วน 14% ในเด็กอายุ 10-19 ปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวล เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่เริ่มรุนแรงขึ้นในคนอายุน้อย WHO จึงตั้งเป้าให้ทุกประเทศลดการบริโภคโซเดียมลง 30% ภายในปี 2568
“ไทยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลดโซเดียม 5 ด้าน 1.สร้างเครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2.สร้างความตระหนักรู้ 3.ปรับสิ่งแวดล้อม และออกกฎหมาย โดยภาคอุตสาหกรรมและสมาคมร้านอาหารต้องร่วมกันสร้างสังคมลดเค็ม ปรับสูตรเมนูให้ ‘เค็มน้อยแต่อร่อยได้’ 4.การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ‘เครื่องวัดความเค็ม’ สามารถวัดได้ทั้งอาหารร้อนและเย็น โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมจัดสรรกว่า 28,000 เครื่องทั่วประเทศ 5.เฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินผล พร้อมผลักดันแนวคิดให้เป็นนโยบายสาธารณะ เปลี่ยนวัฒนธรรมการบริโภคของประชาชน สร้างทางเลือกสั่งอาหารลดเค็มใช้แนวคิด ‘เค็มน้อยสั่งได้’ ไม่เพียงช่วยลดภาระโรคจาก NCDs แต่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการบริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” น.อ.หญิง พญ.วรวรรณ กล่าว