สร้างเกราะป้องกัน สอนหนูรู้เรื่อง’เพศ’
ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน นับเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้น แต่คนในสังคมยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบของปัญหานี้เท่าที่ควร ยังมีข่าวการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กเล็กปรากฏให้เห็นตามสื่ออยู่เสมอ ขณะเดียวกันจากสถิติที่ได้รับการเปิดเผยยังต่ำกว่าสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นอย่างมาก
ติดความรู้ คู่ทักษะ รู้ละเมิด รู้ปฏิเสธ
อาจารย์ไพลิน ศรีสุขโข ผู้วิจัยโครงการอบรมครูอนุบาล เรื่อง “การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กเล็ก” โดยการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ คือการที่เด็กไม่สามารถดูแลและป้องกันตนเองเบื้องต้นได้ เด็กไม่ทราบว่าสถานการณ์แบบใดที่อาจนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ บุคคลรอบข้างไม่ตระหนัก หรือยังไม่เห็นความสำคัญ เพราะขาดความรู้จึงไม่สามารถช่วยกันเฝ้าระวัง สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศได้มากขึ้น
“เพราะฉะนั้น วิธีการที่จะทำให้เด็กรอดพ้นจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ คือเด็กต้องมีความรู้และทักษะในการดูแลตนเอง โดยมุ่งให้ความรู้แก่ผู้ดูแลใกล้ชิดของเด็ก คือ ครูและผู้ปกครอง โดยจัดอบรมให้ความรู้ครู ในเรื่องการป้องกันการล่วงละเมิด และพัฒนาแผนการจัดประสบการณ์ รวมทั้ง สื่อการสอน ให้ครูนำไปจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน เพื่อให้เด็กมีทักษะและความสามารถในการดูแลตนเอง ลดปัญหาหรือความสูญเสีย อันเกิดจากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อการสอน เช่น เพลงเรียกชื่ออวัยวะ เพลงการดูแลอวัยวะของฉัน รวมถึงการแยกแยะสัมผัสว่าอันไหนคือรัก อันไหนคือการละเมิดรู้จักปฏิเสธ และมีทักษะในการขอความช่วยเหลือ หลีกหนีจากอันตราย ด้วยการอยู่ห่างจากคนแปลกหน้า ไม่รับของหรือไปกับคนแปลกหน้า เพื่อให้เขาเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายที่เข้ามา” อาจารย์ไพลิน กล่าว
สื่อสารพ่อแม่ผู้ดูแลเด็ก กระตุ้นสังคมร่วมใส่ใจ
อ.ไพลิน สรุปผลจากการประเมินให้ฟังว่า จากการจัดอบรมครู สามารถทำให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจในประเด็นสถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้น ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา จึงทำให้ครูกระตือรือร้นในการนำหลักสูตรไปสอนและขยายผลต่อเพื่อนครู ทำให้เกิดการสอนทุกระดับชั้น และทุกห้องในโรงเรียน นักเรียนที่ผ่านการเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ แล้วมีความรู้และมีวิธีการป้องกันตนเอง จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้ง การขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผ่านการฝึกจากสถานการณ์สมมติ
นอกจากนี้ ยังจัดประชุมชี้แจงผู้ปกครอง สร้างความเข้าใจและความตระหนักในผู้ปกครอง ทำให้ผู้ปกครองสนใจอยากจะให้มีการเรียนการสอนเรื่องนี้ในโรงเรียน อีกทั้งยังสนใจแนวทางการพูดคุยกับเด็กด้วยตนเองอีกด้วย
อ.ไพลินกล่าวต่ออีกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ เป็นการเผยแพร่ความรู้ ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กเล็กให้แก่ครู เพื่อให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้การป้องกันตนเอง และเป็นการสื่อสารกับพ่อแม่ และผู้ดูแลเด็กให้เกิดการรับรู้ถึงเรื่องนี้ กระจายไปในวงกว้าง เพื่อให้เกิดความตระหนักและกระตุ้นให้สังคมสนใจการป้องกันและช่วยเหลือเด็กอีกด้วย ความรู้ที่นักเรียนได้รับ จะคงอยู่กับนักเรียนและสามารถใช้ได้ไปจนตลอดชีวิตของนักเรียน การเรียนรู้ดังกล่าวนี้จะต้องย้ำและทบทวนสม่ำเสมอ
ก้าวพ้นคำว่าเพศศึกษา รับรู้ร่างกายคือของเรา
ด้าน น.พ.ชาตรี เจริญศิริ กรรมการบริหารแผนโครงการเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม สสส. กล่าวว่า โดยพื้นฐานความรู้ที่มนุษย์คนหนึ่งจะปกป้องตัวเอง ไม่ให้ถูกละเมิดทางเพศ เป็นความรู้ที่สำคัญเทียบเท่าการเรียนรู้ไม่ให้ตัวเองจมน้ำตาย หรือการป้องกันไม่ให้ถูกไฟดูด ซึ่งถือว่าเป็นชุดความรู้ที่จำเป็นของมนุษย์ แต่ต้องก้าวพ้นจากคำว่าเพศศึกษา เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เพศศึกษา เด็กวัยอนุบาลไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง เขาคือผ้าขาว พร้อมที่จะรับรู้ว่าร่างกายของตนเองมีส่วนใดที่เป็นของเขาจริงๆ ที่เขาเป็นเจ้าของจริงๆ แม้แต่พ่อแม่จะมาเปิดดู จับดูก็ต้องมีเหตุผล และไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าไปล่วงของที่เขาหวงไว้
“ที่สหรัฐอเมริกา เขาจะสอนเรื่องนี้ผ่านภาพคนสวมชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ พร้อมบอกเด็กว่า อะไรที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าชุดนี้คือของหนู ถ้าคุณพ่อคุณแม่จะมาขอดู ก็ต้องมีเหตุผล คุณหมอกรณีหนูป่วย แล้วกรณีนี้จะก้าวข้ามเรื่องเพศหญิงเพศชาย เพราะในของผู้ชายก็เหมือนกัน ถ้าใครจะมาทำอะไรภายใต้กางเกงว่ายน้ำตัวนี้ ก็ไม่ได้เช่นกัน ความรู้เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้จักหวงแหนพื้นที่หวงห้ามของตนเอง และรู้ว่าใครคือคนที่ไว้ใจได้” น.พ.ชาตรี กล่าว
ฝึกสอนเด็กรู้จักตนเอง พร้อมประเมินสถานการณ์เสี่ยง
กรรมการบริหารแผนโครงการเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม สสส. กล่าวย้ำว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จะทำให้ผู้ดูแล หรือครูอนุบาลถ่ายทอดไปยังเด็กๆ ให้รู้ว่าอวัยวะที่อยู่ภายใต้ชุดว่ายน้ำแบบวันพีซนี้ เป็นของหนูจริงๆ หากใครจะเข้ามาทำอะไรต้องมีเหตุผล ถ้าไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ คุณหมอเวลาที่เจ็บป่วย หรือคนที่พ่อแม่รับรอง หรือคนที่เขาไว้ใจจริงๆ หากเป็นใครก็ไม่รู้พยายามจะเข้ามาจับหรือละเมิด ให้ปฏิเสธและรีบไปให้ห่าง หรือบอกคุณพ่อคุณคุณแม่ทันที
น.พ.ชาตรี กล่าวต่อว่า การปฏิเสธนี้สำคัญมากในหลักสูตรนี้ ถึงขั้นต้องสอนให้เด็กแสดงออกถึงความไม่พอใจ เช่นส่งเสียงร้อง กระทืบเท้า เพื่อแสดงออกให้ผู้ใหญ่ที่จะไปล่วงละเมิดเขารู้ว่า เด็กไม่พอใจ แต่ต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพศศึกษา หรือชี้โพรงให้กระรอก ไม่ได้เป็นการสอนว่าถ้าผู้ชายจะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงต้องทำอย่างไรไม่ให้ท้อง แต่เป็นความรู้พื้นฐานที่จะปกป้องอันตรายจากการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กได้
การปลูกฝังให้เด็กเรียนรู้เรื่องเพศและการปกป้องตัวเอง จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรตระหนัก เพราะไม่เพียงเกิดประโยชน์แก่เด็กเท่านั้น ยังเป็นการสอนและฝึกให้เด็กรู้จักตนเอง รู้จักประเมินสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ ติดเป็นนิสัยไปจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำให้เป็นคนระมัดระวังตนเอง ไม่ประมาทในสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ ทางเพศ เพราะการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย ทุกเวลา ทุกสถานที่ สื่อมวลชนเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสอนให้เด็กรู้เท่าทันและป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกละเมิดทางเพศ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
update : 13-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน