สร้างมาตรฐานความเสี่ยง ท่องเที่ยว(ไม่)ปลอดภัย
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ไม่ใช่ครั้งแรก หรือครั้งสุดท้าย ของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งหวังเข้ามาเก็บเกี่ยวความสุขจากการท่องเที่ยวในประเทศไทย กรณีเรือนักท่องเที่ยวต่างชาติล่มที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 40 ราย เป็นอีกตัวอย่างอุบัติเหตุร้ายแรงที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นต้อง "ลุกขึ้น" มาจัดระบบความปลอดภัยในการเดินทางของนักท่องเที่ยว นอกเหนือการแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ก็เพื่อช่วยลดเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ไม่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นในรูปแบบใด สิ่งสำคัญหนึ่งที่จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือการศึกษาและรวบรวมข้อมูลรอบด้านไปวิเคราะห์ให้ได้ความเชื่อมโยงของ "สาเหตุที่แท้จริง" จนนำไปสู่ผู้ รับผิดชอบได้อย่างถูกต้อง ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก คณะวิศวกรรม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุ จากสถิติกองมาตรฐานความปลอดภัยการท่องเที่ยวของกรมการท่องเที่ยวพบข้อมูลแนวโน้มมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางทะเลเพิ่มขึ้นโดยปี 60 มีสูงถึง 936 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิต 265 ราย บาดเจ็บ 671 ราย ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมียอดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากสุด ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้
โดยเฉพาะประเทศไทยที่แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก การวิเคราะห์ให้เห็นถึงปัญหาเชิงลึกเพื่อวางมาตรการไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำนับเป็นแนวทางที่ควรผลักดันให้เกิดขึ้น ยกตัวอย่างในต่างประเทศจะมีการตั้งทีมสหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไปทำหน้าที่วิเคราะห์เหตุการณ์ เพื่อแสวงหาแนวทาง "ลดความเสี่ยง" ในรูปของ "คณะกรรมการดูแลความปลอดภัยด้านการขนส่ง" เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือมาเลเซียเองก็เคยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาวิเคราะห์เหตุการณ์เครื่องบินสูญหาย เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานคลี่คลายปมเหตุที่แท้จริงร่วมกัน
สำหรับประเทศไทยมีการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวแต่ดำเนินการเฉพาะกรณีการบิน เนื่องจากเป็นข้อกำหนดที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ไอเคโอ ที่ระบุให้ต้องมีการสอบสวนกรณีที่มีเครื่องบินตก ทั้งที่ข้อเท็จจริงอุบัติเหตุทางเรือและทางบกต่างมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่า ดังนั้น เห็นควรให้มีการขยายบทบาทคณะกรรมการให้ครอบคลุม ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องทางอากาศ โดยรูปแบบคณะกรรมการควรมีอิสระในการใช้ดุลพินิจว่าจะเข้าไปตรวจสอบกรณีใดบ้าง ส่วนใหญ่มักเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
ทั้งนี้ การวิเคราะห์เชิงลึกถือเป็นการแสวงหาข้อมูล ข้อเท็จจริง โดยละเอียดในปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งกรณีเรือล่ม ที่ จ.ภูเก็ต นับเป็นตัวอย่างของโศกนาฏ กรรมการท่องเที่ยวทางทะเลที่ยังขาดระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์รากปัญหาอย่างแท้จริง ทำให้ยังเห็นมาตรการซ้ำเดิมที่ไม่ก่อให้เกิดการ แก้ปัญหาเชิงระบบที่จะช่วยลดข้อจำกัดและความผิดพลาดที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้อีก
ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ เผยนอกจากการมีคณะกรรมการดูแลความปลอดภัยด้านการขนส่ง อีกหนึ่งประเด็นที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาวิจัย และน่าจะเป็นประโยชน์กับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวคือ แผนการบริหารจัดการความปลอดภัยของการท่องเที่ยวทางทะเล โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเสนอให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในสถานประกอบการหรือบริษัทท่องเที่ยวทุกบริษัท เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ วางแผนด้านความปลอดภัยและมีการตรวจประเมินเป็นระยะ เป้าหมายงานศึกษาครั้งนี้จะมีการลงพื้นที่ไปประเมินความเสี่ยงของกิจกรรมท่องเที่ยว เช่น ดำน้ำ เจ๊ตสกี ว่ามันมีความเสี่ยงจุดไหนบ้าง ก่อนทำเป็นข้อมูลประเมินให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวไปประเมินบริษัทนำเที่ยวว่าได้ดำเนินการใด ๆ ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือไม่ ถือเป็นอีกกลไกกำกับไม่ให้ทำตามความต้องการตัวเองเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรือล่มที่ภูเก็ตต้องแก้เชิงระบบ จากที่ติดตามกรณีที่เกิดขึ้นตรงกับงานวิจัยหลายชิ้นที่ทำไปก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวที่เรียกว่าหน้าใหม่ กลุ่มนี้แทบไม่เคยออกไปนอกประเทศตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มที่มากับ "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยออกไปเที่ยวนอกประเทศ ไม่เคยเห็นทะเลหรืออยู่แต่กับ ภูเขา ทำให้การบริหาร จัดการในภาวะฉุกเฉินสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ จุดอ่อนที่เห็นจากกรณีนี้คือ พนักงาน และคนขับเรือ กระโดดหนีออกหมด นักท่องเที่ยวฟังไม่รู้ว่าบอกให้ทำอะไรบ้าง หรือต้องใส่เสื้อชูชีพยังไง ที่ผ่านมาเรามองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป เพราะเคยมีแต่นักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ท่องเที่ยวเป็นประจำและรู้ว่าเสื้อชูชีพคืออะไร แต่พอเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ เรามองข้ามละเลยโดยเข้าใจว่าคงเหมือนกลุ่มท่องเที่ยวอื่นที่ผ่านมา
"พอเกิดเหตุการณ์นี้จึงเห็นคนที่จมไปกับเรือ ยกตัวอย่างบางคนอยู่บนภูเขา ไม่คุ้นกับทะเล พอทะเลมีคลื่นแล้วบอกเราไปบอกให้กระโดด เค้าไม่มีทางทำตาม ดังนั้น สำคัญคือต้องมีวิธีเตรียมความพร้อมก่อนออกทะเล แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นคือไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปจัดการในเรื่องนี้เลย สิ่งที่อยากเห็นคือการมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเข้าไปเตรียมความพร้อม ตรวจสอบดูว่ามีวิดีโอให้ความรู้หรือไม่ นักท่องเที่ยวได้ฟังครบไหม หรือเข้าใจหรือไม่ อยากให้มีคนไปตรวจสอบก่อนที่เรือจะออกนำเที่ยว"
ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานเคยพัฒนานวัตกรรมระบบการจัดการและกำหนดให้มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย ดูแลการทำงานภายในโรงงาน การทำงานที่อันตราย ส่วนหนึ่งเพื่อลดข้อบกพร่องของมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่มีข้อจำกัดและเป็นประโยชน์ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุขณะทำงาน
ทั้งนี้ หลักการความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย เกี่ยวกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการวิจัยส่วนหนึ่งระบุถึงการเข้าไปประเมินความเสี่ยงของกิจกรรมท่องเที่ยวตลอดห่วงโซ่ตั้งแต่ บริษัท นำเที่ยว บริษัทท่าเรือ มัคคุเทศก์ ไลฟ์การ์ด กัปตันเรือ ครูฝึก ลูกเรือ การประเมินว่าปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีการจัดทำแผนจัดการความเสี่ยง จัดทำรายงานอุบัติเหตุ รายงานการดำเนินการให้กับหน่วยงานที่ดูแลและประสานการตรวจสอบประเมิน ยกตัวอย่างกิจกรรมท่องเที่ยวทางเรืออย่างการดำน้ำซึ่งมีความเกี่ยวข้องหลายส่วน ทั้งที่อยู่ในการดูแลของบริษัทนำเที่ยวหรือไม่ได้ขึ้นตรง แต่องค์ประกอบเหล่านั้นล้วนมีความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้
"กรณีเรือล่ม หากมีการประเมินความเสี่ยงก่อนจะพบว่าบริษัท ไม่ได้ให้ความสนใจด้านความปลอดภัย เน้นเพียงรายได้ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในเรือ สัญลักษณ์ภายในเรือที่สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าใจได้ทุกภาษา การประเมินความเสี่ยงของเส้นทาง สภาพอากาศ การไม่ดูแลให้นักท่องเที่ยวใช้อุปกรณ์ตลอดเวลา ตลอดจนการฝึกลูกเรือให้มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินกับภาษาที่นักท่องเที่ยวเข้าใจได้"
ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ ย้ำการแก้อุบัติเหตุทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ต้องติดตามปัญหาอยู่ตลอด ไม่สามารถเลือกทำเป็นกรณีได้ จากที่เคยทำมาจะเห็นว่าพอจบแล้วก็ลืมกันไป สุดท้ายก็พบปัญหาเดิมกลับมาซ้ำอีก เรื่องเหล่านี้รัฐอาจยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควรเน้นเพียงชักชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศ แต่สำหรับต่างประเทศความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวถือเป็นข้อห่วงใยที่สำคัญ
ทั้งนี้ ให้ข้อสังเกตตัวเลขการท่องเที่ยวที่ระบุว่าสร้างรายได้จำนวนมาก เป็นตัวเลขจริงแค่ไหน เพราะสิ่งที่ได้จากกรณีล่าสุดคือแม้จะระบุว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสร้างรายได้ให้จำนวนมาก แต่เมื่อเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ตกกับไทย ดังนั้น จึงสงสัยรายได้ท่องเที่ยวเหล่านั้นได้รวมกลุ่มนี้ไปด้วยหรือไม่ ยอดดังกล่าวอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายในไทย แต่อาจไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ตกกับคนไทย
เมื่อการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ อุบัติเหตุที่เกิดจากการท่องเที่ยวคงไม่อาจปล่อยผ่านให้เป็นปัญหาซ้ำซากได้อีก เพราะในอนาคตความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวอาจกลายเป็นอีกตัวเลือกสำคัญในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติ