สธ.เผยมีคนป่วยจิตเวช 6 แสนราย 1 ใน 3 เป็นคนเร่ร่อน
สธ.เร่งป้องกันปัญหาผู้ป่วยจิตเวชขาดยา ขยายการดูแลถึง รพ.สต. ให้ อสม.ติดตามในชุมชน เผยตัวเลขผู้ป่วยจิตเวชทั่วประเทศ กว่า 6 แสนราย พบ 1 ใน 3 เป็นคนเร่ร่อน เล็งจับมือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แก้ปัญหา
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังติดตามความคืบหน้าการรักษาหญิงชาวเขาเผ่ามูเซอที่มีอาการทางจิต ก่อเหตุฆ่าลูกสาว 2 คน ที่บ้านใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะดูแลรักษาให้ดีที่สุด โดยบันทึกผลการรักษาผู้ป่วยเพื่อให้การต่อศาล เป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้ให้การรักษา อย่างไรก็ตาม จะต้องเร่งหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต ได้ให้กรมสุขภาพจิตร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ จัดบริการด้านสุขภาพจิตในโรงพยาบาลทุกระดับ ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนในทุกอำเภอของประเทศ โดยฝึกอบรมแพทย์ และจัดให้มีคลินิกจิตเวชในโรงพยาบาลชุมชนกว่า 800 แห่ง และขยายเครือข่ายดูแลด้านสุขภาพจิตลงถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ที่มี 9,750 แห่ง โดยจัดอบรมพยาบาลให้มีความรู้ด้านจิตเวช ทำงานร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ ติดตามดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชทุกคนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยทุกรายจะมีประวัติการรักษา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกับญาติใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการขาดยา เช่นกรณีที่เกิดขึ้นนี้เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งมาจากการขาดยาเป็นเวลานาน จนทำให้อาการกำเริบ
รมช.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า ในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการกำเริบอยู่ตามถนนหนทาง ป้ายรถเมล์ สถานที่สาธารณะต่างๆ ในชุมชน กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หามาตรการติดตามดูแลกลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้ หากพบมีปัญหาทางจิตจะส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสังคมต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยจิตเวชประมาณ 600,000 ราย ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 เป็นคนเร่ร่อน ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษา ผู้ป่วยส่วนที่เหลือประมาณครึ่งหนึ่งได้รับการรักษาในโรงพยาบาล อีกครึ่งหนึ่งรักษาหายแล้วหรือได้รับยาไปรักษาต่อที่บ้าน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในสังคม ประการสำคัญ ในการดูแลฟื้นฟูสภาพจิตของผู้ป่วย จำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากคนในครอบครัวให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดยา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ