สธ.ห่วงเหนือ-อีสานหนาวแนะเป็นหวัดอย่าซื้อยากินเอง
ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางจังหวัดเริ่มหนาวเย็น ซึ่งสภาพอากาศที่เย็นลงนี้เอื้อต่อเชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี
น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางจังหวัดเริ่มหนาวเย็น ซึ่งสภาพอากาศที่เย็นลงนี้เอื้อต่อเชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดโรคติดต่อหลายโรค โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจที่พบมากอันดับต้นๆ ในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งคือ ไข้หวัด มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล ที่ผ่านมาทั่วประเทศพบป่วยเป็นไข้หวัดปีละกว่า 12 ล้านคน เป็นแล้วเป็นซ้ำได้อีก
น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของไข้หวัดส่วนใหญ่เกิดมาจากเชื้อไวรัสซึ่งมีมากกว่า 200 ชนิด ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ โรคนี้หายเองได้หากพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดโรคแทรกซ้อน โดยแพทย์จะให้การรักษาตามอาการ ร่วมกับการกินยาลดไข้และให้พักผ่อนมากๆ ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาและจะหายเองภายใน 1 สัปดาห์ ประชาชนทั่วไปยังมีความเข้าใจไม่ถูกต้อง คิดว่าเมื่อมีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล มีไข้ เป็นอาการที่เกิดจากการอักเสบ มักจะไปซื้อยาปฏิชีวนะ หรือที่เรียกกันติดปากว่ายาแก้อักเสบมากิน เพราะคิดว่าจะป้องกันการป่วย หรือหายจากอาการดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดและใช้ไม่ได้ผล ทำให้เสียเงินเปล่าประโยชน์ ยาลดไข้ที่กินได้และปลอดภัยที่สุดคือ ยาพาราเซตามอล และฟ้าทะลายโจรที่ได้รับการรับรองจาก อย.
“ยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตราย มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น การแพ้ยา หรือทำให้เชื้อดื้อยาได้ ยาปฏิชีวนะเหล่านี้ออกฤทธิ์ได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรีย จึงใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่ได้ผล จึงไม่แนะนำให้ซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง และที่สำคัญในเด็กที่ป่วยเป็นไข้หวัด ห้ามให้กินยาแอสไพริน เพราะมีผลต่อการทำงานของตับผิดปกติ ทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก อาจช็อกเสียชีวิตได้ สำหรับเด็กที่ป่วยในช่วงนี้อาจพบโรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากเชื้อโรต้าไวรัสร่วมกับอาการไข้หวัด หากพบควรให้กินน้ำเกลือแร่หากไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน หรือมีอาการซึมลง กินไม่ได้ อาเจียนมาก ให้รีบมาพบแพทย์ โรคแทรกซ้อนที่อันตรายอีกโรคคือ โรคหูน้ำหนวก ซึ่งเด็กจะปวดหูมากและโรคปอดบวมที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อันดับ 1” น.พ.สุวิทย์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง