วาง 6 ระบบบริการผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางบก-ทะเล
กระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนาระบบบริการผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุใน 7 พื้นที่จังหวัดใต้ 6 ด้าน ได้แก่ ระบบฐานข้อมูลการบาดเจ็บ การดูแลผู้บาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล การดูแลผู้บาดเจ็บทางสมอง การฟื้นฟูผู้บาดเจ็บเมื่อพ้นภาวะวิกฤต การดูแลผู้บาดเจ็บทางทะเล และการดูแลผู้บาดเจ็บในสถานการณ์ความไม่สงบ โดยมีโรงพยาบาลหาดใหญ่เป็นศูนย์กลาง หวังลดอัตราตายให้ได้ปีละร้อยละ 10 ภายในปี 2559 ตลอดปี 2555 มีผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินใช้บริการเกือบ 500,000 ราย โดย 1 ใน 4 เป็นผู้บาดเจ็บทางด้านศัลยกรรม
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเครือข่ายบริการที่ 12 เปิดประชุมผู้บริหาร ประกอบด้วย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป/โรงพยาบาลชุมชน เพื่อพัฒนาระบบการจัดบริการสุขภาพ โดยเฉพาะระบบการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้บาดเจ็บทุกชนิด ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้คือ ตรัง พัทลุง สตูล สงขลายะลา ปัตตานี และนราธิวาส เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชน
ในการเตรียมการจัดบริการผู้ป่วยอุบัติเหตุ กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนพัฒนาไว้ 5 ปี พ.ศ.2555-2559 มีเป้าหมาย 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.ระบบฐานข้อมูลการบาดเจ็บ เพื่อนำมาวางแผนการป้องกัน แก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วย 2.ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บก่อนถึงโรงพยาบาล มีครอบคลุมทุกพื้นที่ 3.มีระบบการดูแลผู้บาดเจ็บทางสมอง การบาดเจ็บหลายระบบ โดยมีทั้งระบบส่งต่อและการรับกลับ 4.ระบบฟื้นฟูผู้บาดเจ็บเมื่อพ้นภาวะวิกฤตในโรงพยาบาลชุมชน ให้กลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงตามปกติ 5.เพิ่มชุดปฏิบัติการทางแพทย์ฉุกเฉินทางน้ำที่จังหวัดสตูลและตรัง และพัฒนาศักยภาพระบบการดูแลผู้บาดเจ็บทางทะเลของหน่วยบริการในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เกาะ แหล่งท่องเที่ยว และ6.ระบบการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยจัดซ้อมแผนในระดับเสมือนจริง ตั้งเป้าลดอัตราการเสียชีวิตลงให้ได้ร้อยละ 10 ต่อปี
ทั้งนี้ กำหนดให้โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ที่มีความพร้อมทั้งเครื่องมือแพทย์ แพทย์และพยาบาลที่เชี่ยวชาญ เป็นศูนย์เชี่ยวชาญอุบัติเหตุ เป็นแม่ข่ายของโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน รวม 76 แห่ง สามารถให้การดูแลผู้บาดเจ็บตั้งแต่ขั้นไม่รุนแรง จนถึงขั้นวิกฤติได้ โดยใช้ระบบการส่งต่ออย่างรวดเร็ว เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานช่วยชีวิตประชาชน
ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข