รับน้องปลอดเหล้าเห็นผล 81.3 %
นักศึกษาชอบ ขยายผลสู่ รร. อาชีวะ
ในช่วงนี้คงไม่มีอะไรที่จะแรงไปกว่ากระแสการรับน้องของหลายๆ สถาบัน เพราะเพิ่งจะเปิดเทอมกันใหม่สดๆ ร้อนๆ บางที่ก็จัดกิจกรรมรับน้องกันในสถาบัน บ้างก็รับข้างนอกสถาบัน เพื่อให้ห่างไกลสายตาผู้คนหรือต้องการบรรยากาศดีๆ ก็ไม่รู้ หรือรับทั้งในและนอกสถาบันเลย เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อมีการรับน้องเมื่อใดก็ต้องมีข่าวตามออกมาให้ได้ยินอยู่เป็นประจำว่า มีนักศึกษาเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในระหว่างการรับน้องนอกสถานที่ของสถาบันชื่อดัง…….!
ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการคลอดโครงการ “รับน้องปลอดเหล้า” ขึ้นมาเพื่อช่วยลดปัญหาต่างๆ ลงให้ได้ ซึ่งในปีนี้ โครงการดังกล่าวได้เดินหน้ามาเป็นปีที่ 4 แล้ว และพบว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ เนื่องจากตัวเลขของผู้ที่เสียชีวิตในการับน้องของสถาบันต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผนฯสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการ “รับน้องปลอดเหล้า” เป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเยาวชนอย่างมาก จากการสำรวจในปีที่ผ่านมา พบว่าโครงการดังกล่าวสามารถช่วยลดความรุนแรงในการรับน้องได้ถึง 81.3% อีกทั้งวัยรุ่นยังสามารถตระหนักถึงโทษของเหล้าได้เพิ่มขึ้นถึง 76.1% รวมทั้ง อยากให้การรับน้องไม่มีเหล้าและบุหรี่ถึง 92.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่าสูงมาก
นอกจากนี้ ในปี 51นี้แนวทางในการรณรงค์จะแตกต่างไปจากปีก่อนๆ คือ ได้มีการเพิ่มการรณรงค์เรื่องของบุหรี่ในกิจกรรมรับน้องเข้ามาด้วย ซึ่งเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้คือ ต้องการให้ทุกสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย โรงเรียน วิทยาลัย ปราศจากแอลกอฮอล์และบุหรี่โดยสิ้นเชิง
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า การรณรงค์ในปีนี้ จะช่วยให้มีการเพิ่มการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกฎหมายการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ในสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตร 31 ห้ามมิให้ผู้ใดดื่มแอลกอฮอล์ในมหาวิทยาลัย รวมถึงการห้ามสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย ยกเว้นในที่ที่จัดไว้ให้เพิ่มขึ้น
“เราจะใช้การรณรงค์นี้เป็นตัวช่วยในการกระจายเผยแพร่กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัย ให้นักศึกษาทราบและเข้าใจมากขึ้น เนื่องจากนักศึกษาบางคนยังไม่ทราบถึงกฎหมายตัวนี้ โดยคิดว่าสามารถสูบได้เนื่องจากไม่มีใครมาว่ากล่าวตักเตือน” นพ.ประกิตกล่าว
ด้านนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ กล่าวว่า ตนก็พร้อมที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าว และได้มีการวางนโยบายรณรงค์โครงการรับน้องปลอดเหล้า โดยผลักดันให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งทุกระดับชั้นดูแล รณรงค์ลด ละ เลิก แอลกอฮอล์ บุหรี่ และอบายมุขในสถานศึกษาอย่างเข้มงวด อีกทั้งได้ยังประสานงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เรื่องการวางแนวทาง มาตรการดูแลการรับน้องปลอดเหล้า บุหรี่ และอบายมุขทั้งปวงภายในมหาวิทยาลัย รวมทั้งให้ทางสกอ.เปิดศูนย์ออนไลน์รับร้องเรียนช่วงรับน้อง
อย่างไรก็ตาม การรับน้องในปีการศึกษานี้ ศธ.ได้วางนโยบายคุมเข้ม เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงอย่างที่ผ่านมา ซึ่งจากการประชุมร่วมกับรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ได้ฝากมหาวิทยาลัยให้ช่วยจัดกิจกรรมรับน้องในเวลาที่เหมาะสม ปลอดภัย คือเวลาเช้าไปจนถึงเย็น เน้นการทำกิจกรรมที่ลดความขัดแย้ง คงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีไทย งดเหล้า บุหรี่ สิ่งมึนเมา อบายมุขทุกรูปแบบ และถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบ
ด้าน รศ.ดร.
ด้านน.ส. มณิธร ประดิษฐ์ธรรม นักศึกษาปีที่ 1 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี การรับน้องมีขึ้นทุกสถาบันการศึกษา จะให้สั่งห้ามเลยก็คงไม่ดี เพราะการรับน้องก็ถือเป็นการสานสัมพันธ์พี่น้องในคณะให้รู้จักกันมากขึ้น แต่การรับน้องที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปเกี่ยวข้องนั้นคงไม่ดีแน่ เพราะไม่ว่าจะเหล้า เบียร์หรือสิ่งอื่นๆ ที่มีแอลกอฮอล์ เวลาดื่มเข้าไปแล้วไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆตามมาได้
“ส่วนตัวแล้วก็เป็นคนที่ชอบการรับน้องนะค่ะ เพราะทำให้เรามีเพื่อนมากขึ้น รู้จักรุ่นพี่มากขึ้น เพราะในการเรียน บางครั้งรุ่นพี่สามารถช่วยเราได้เยอะค่ะ ถ้าเราต้องไปรับน้อง ที่มีรุ่นพี่ดื่มหรือให้น้องดื่ม เราจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มีแอลกอฮอล์ถือว่าดีที่สุดแล้วค่ะ”
นายสุรวุฒิ รุ่งวัฒนาเศรษฐ์ นักศึกษาปีที่ 1 คณะฑัณตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การมีโครงการนี้ขึ้นถือว่าดีมากๆ เพราะทำให้การรับน้องในปัจจุบันดูมีกฎ มีระเบียบมากขึ้น ไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุ การเสียชีวิตในการรับน้องลดน้อยลงอย่างมาก
“ผมชอบโครงการนี้นะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะผมยังไม่ได้เข้ามหาลัย แต่นอนนี้ผมเข้าแล้ว และมันก็ส่งผลโดยตรงกับตัวผม แอลกอฮอล์ไม่มีผลดีเลยแม้แต่น้อย ในการรับน้องถ้ารุ่นพี่ดื่ม และยิ่งมีการให้น้องดื่มอีก ยิ่งทำให้เยาวชนอยู่ใกล้แอลกอฮอล์มากขึ้นจนอาจถึงติดได้ โครงการนี้ถือว่าช่วยให้เยาวชนห่างไกลแอลกอฮอล์ได้มากครับ”
นายอัศนัย ชุ่มคำพะเนา นักศึกษาปีที่4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต กล่าวว่า รู้สึกดีมากๆที่มีโครงการนี้ขึ้นมา เพราะการที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นรุ่นน้องนั้นมีได้มากมายหลายวิธี
“กิจกรรมที่ผมจัดในกิจกรรมรับน้องของคณะผม ผมให้รุ่นน้องจับคู่กับรุ่นพี่เก็บขยะในมหาลัย ไปไหว้พระ 9 วัด ผมคิดว่ากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำร่วมกันแล้วมันสร้างสรรค์มันก็สามารถสานสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องได้เหมือนกันหมดนะคับ”
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวกำลังขยายผลไปสู่โรงเรียนในระดับอาชีวะ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีการรับน้อง แต่ก็อยากให้มีกิจกรรมปลอดเหล้า เช่นกีฬาสี
นี่…ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่ควรได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้เยาวชนห่างไกลจากแอลกอฮอล์มากยิ่งขึ้น และเป็นกำลังสำคัญของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
เรื่องโดย : ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
Update 10-06-51