รองแง็ง เรื่องเล่าจากชาวมอแกลน
“ป๊อกันนามะ” แปลว่า สวัสดีภาษามอแกลน เป็นเสียงทักทายของเด็กๆ กลุ่มมอแกลนที่ใช้เรื่มต้นเปิดการแสดงรำรองแง็ง เด็กๆ กลุ่มนี้ใช้ชื่อกลุ่มว่า plan เด็กเป็นลูกหลานชนกลุ่มมอแกลน ที่อาศัยอยู่หมู่บ้านมอแกลนบ้านหว้า ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
เด็กๆ มารวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อมการแสดงรองแง็ง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของชาวมอแกลนให้คนอื่นๆ ในสังคมได้มีโอกาสได้รับรู้ถึงวิถีวัฒนธรรมมอแกลนผ่านการแสดงรำรองแง็งประกอบเพลงกล่อมเด็ก “อะปงบอก่อมะ” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “พ่อไปทำไร่”
การรำรองแง็งเป็นการร่ายรำที่มีท่วงท่าสวยงามประกอบกับเสน่ห์เสียงให้จังหวะของวงกลองรัมนา ยิ่งเพิ่มให้การรำรองแง็งเป็นการแสดงที่ดึงดูด และตราตึงผู้พบเห็น เดิมการรำรองแง็งของกลุ่มมอแกลนจะทำกันในชุมชนตามวาระต่างๆ ตามวิถีวัฒนธรรมของกลุ่มตนเท่านั้น จึงไม่ค่อยมีผู้พบเห็นการแสดงรำรองแง็งและการเล่าเรื่องราวของชาวมอแกลนสักเท่าไรนัก
การแสดงที่เด็กๆ กลุ่ม plan ได้จัดเตรียมซักซ้อมเพื่อถ่ายทอดและบอกเล่าเรื่องวิถีชีวิตชาวมอแกลนนั้นได้รับการถ่ายทอดมาจากพี่ ป้า ย่า ยายในชุมชน ในการแสดงครั้งนี้ มีป้ากิมตัน ป้าซอย และยายชิ้ง เป็นผู้ฝึกสอนท่วงท่าลีลาการร่ายรำ การตีกลองรัมนา และการขับร้องเพลงกล่อมเด็กให้แก่เด็กๆ ป้าๆ ยายๆ บอกว่า “เพลงพวกนี้เราก็ร้องแต่พวกเรากันเองในชุมชน ถ้าไม่มีเวทีให้เด็กๆ ได้แสดง ก็ไม่มีโอกาสไปร้องเพลงพวกนี้ให้ใครฟัง เราก็จะฟังกันเองแค่ในชุมชน”
นอย น้อย นอย……การแสดงของเด็กๆ เริ่มต้นด้วยการเห่กล่อมและขับร้องเพลงกล่อมที่บอกวิถีความเป็นมอแกลน เนื้อเพลงมีอยู่ว่า
ชะดาวะ ตะเล่ย เบ่ยกู่เจ้ย ก็ปินแหน่มะ อ่าป๊องเก๊าเบ๊าะก่อมะ อ่าป๊องเก๊าเบ๊าะก่อมะ แอ่น๊อง แอมอ่อม๊าก แอ่น๊อง แอมอ่อม๊าก อ่าน๊าด อะเจ่าหม่าไง อะเจ่าหม่าไง ไบ๋กูใจ๊ ปินอุยคูจากะ ไบ๋กูใจ๊ ปินอุยคูจากะ คำแปลเนื้อเพลงคือ 1 2 3 4 5 พ่อไปทำไร่ แม่อยู่บ้าน ไม่รู้ลูกใครร้อง เรามาเป็นเพื่อนกันท่วงท่าการร่ายรำเป็นท่วงท่าง่ายๆ ประกอบเพลง
แต่สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากคือการแสดงชุดนี้แสดงโดยเด็กทั้งสิ้น ตั้งแต่ผู้ขับร้อง ผู้รายรำ ผู้บรรเลงจังหวะกลองรัมนา เรียกว่าตัวเล็กกว่ากลองเสียอีก น้องปลาย อายุ 8 ขวบ และน้องแดน อายุ 7 ขวบ รับหน้าที่ตีกลองรัมนา น้องพงษ์ อ ตีกลอายุ 11 ขวบ ตีกลองทัด น้องโต้งอายุ 9 ขวบ ตีฉิ่ง น้องเอิร์ด อายุ 10 ขวบ เคาะทัมรีน
การมารวมกลุ่มกันฝึกซ้อมการแสดงทางวัฒนธรรมของเด็กๆ กลุ่มมอแกลนไม่เพียงเพื่อสืบสานวัฒนธรรมของตน แต่สิ่งหนึ่งที่ได้พบเห็นคือสะพานเชื่อมวัฒนธรรมระหว่าง เด็กกับผู้สูงอายุในชุมชน ที่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมอแกลน และบอกให้ใครๆ ได้รับรู้ว่าชาวมอแกลนอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร และสิทธิในดำรงชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่น คนอื่นๆ ในสังคม ไม่ต่างกัน
ที่มา: มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก