ยื่น วธ.ห้ามเหล้าในหนัง-คอนเสิร์ต
หลังพบมีการโฆษณาแฝง
ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่รู้น้อยด้อยปัญญา จึงมีความคิดอย่างนั้นด้วยเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วทุบทิ้งโรงงานดังกล่าวที่เป็นเรื่องของผลประโยชน์มากมายมหาศาลแก่กระเป๋าของใครต่อใครไม่กี่ครอบครัว ทั้งครอบครัวฝ่ายลงทุน ครอบครัวฝ่ายการเมืองคุมการอนุมัติ โดยอ้างว่าประเทศชาติจะได้ภาษีมาบริหารบ้านเมือง จริงๆ แล้วก็รู้กันอยู่ว่าได้ภาษีมาส่วนน้อย แต่ส่วนใหญ่ไปอยู่ในกระเป๋าคนไม่กี่ครอบครัวดังกล่าว
แต่ผลที่เป็นความเลวร้ายจากผลผลิตนี้กลับไปตกแก่คนไทยทุกระดับชนชั้นอายุเพศวัยอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด แม้จะร้องขอให้ทั้งฝ่ายทุนและฝ่ายภาคการเมืองให้ช่วยจำกัดขอบเขตด้วยหัวใจเสียสละเพื่อส่วนรวม ก็แทบไม่ได้รับการสนองตอบ
คนไทยส่วนใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่เห็นโทษภัยอันนำไปสู่ความหายนะ จึงจำต้องรวมพลังช่วยกันระงับยับยั้งให้ผลพวงที่เลวร้ายลดน้อยลง หรือไม่เกิดขึ้นเลยในที่สุด
มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน พร้อมด้วยเครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า (ดีดี๊ดี) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่, มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา, กลุ่มโคตรอินดี้และเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 50 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการเข้มงวดกรณีการจัดแสดงคอนเสิร์ตและฉายภาพยนตร์ที่แฝงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายพิริยะ ทองสอน เลขาธิการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยพบในภาพยนตร์หลายเรื่อง ที่ปล่อยให้มีการแสดงโลโก้และภาพของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อดัง ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของภาพยนตร์นั้น ทั้งนี้ จากการลองนับฉากที่ปรากฏสินค้าหรือสัญลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาพยนตร์ที่เข้าฉายเมื่อไม่นาน จำนวน 3 เรื่อง พบว่ามีฉากดังกล่าว 4-6 ฉาก และมากที่สุดคือ 19 ฉาก ซึ่งพบฉากนานที่สุดถึง 3.28 นาที นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ระหว่างปี 2548-2550 ยังพบว่า ภาพยนตร์ 128 เรื่อง ไม่มีการแสดงโลโก้และภาพของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียง 21 เรื่อง ที่เหลือ 107 เรื่อง หรือ 83.59% ล้วนมีฉากดังกล่าวแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากคิดเฉลี่ยแล้ว พบว่ามีโลโก้และภาพของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อภาพยนตร์ 1 เรื่อง อยู่ที่ประมาณ 6.30 นาที]
เลขาฯ มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าว เครือข่ายฯ ขอเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ให้ วธ.กำกับดูแลมิให้ปรากฏสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาพยนตร์อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 2.มิให้มีการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโรงภาพยนตร์ 3.ให้ วธ.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ในการไม่สนับสนุนโฆษณาแฝงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อย่างเคร่งครัด
“สำหรับประเด็นการจัดคอนเสิร์ตที่แฝงการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางเครือข่าย ขอเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.ให้ วธ.เป็นเจ้าภาพจัดเวทีระดมความคิดเห็น เพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท ที่ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการแสดงดนตรีหรือคอนเสิร์ต 2.ให้พิจารณากำหนดมาตรการมิให้มีการขายหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในการแสดงดนตรีหรือคอนเสิร์ต 3.กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และ 4.ตรวจสอบการจัดแสดงดนตรีหรือคอนเสิร์ตบังหน้าเพื่อขายหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ในมาตรา 30 และ 32”
ผู้เขียนไม่มีความเห็นอะไรอื่น เพราะเห็นด้วยกับที่เยาวชนรวมตัวกันทำที่อยากฝากไว้ก็เพียงว่า ผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะที่เอ่ยถึงข้างต้นจะยอมเสียสละเพื่อลูกหลานไทย คนไทย สังคมไทยสักนิดบ้างเท่านั้นแหละ
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update : 30-09-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร