มีแหล่งสารเคมีเสี่ยงอันตรายในกรุง กทม.เร่งให้ความรู้
มีแหล่งสารเคมีเสี่ยงอันตรายในกรุง กทม.ให้ความรู้ผู้ประกอบการคุมเข้ม
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการในกลุ่มสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บ สะสม ผลิต ขนส่ง การใช้งานสารเคมีและวัตถุอันตราย เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้และเข้าใจ รวมทั้งหารือมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาอุบัติภัยสารเคมีและวัตถุอันตรายว่า จากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง จนมีผู้เสียชีวิต 12 ราย และได้สร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรอบ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว กทม.เห็นว่าพื้นที่กรุงเทพฯ มีอันตรายมากกว่ามาบตาพุด เนื่องจากมีชุมชนหนาแน่น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันอาจจะสูญเสียมากกว่า ดังนั้นจึงได้จัดโครงการสำรวจและประเมินความเสี่ยงเพื่อกำหนดมาตรการควบคุม ความปลอดภัยของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งดำเนินงานตามแผนแม่บทมาพัฒนาความปลอดภัยเคมีวัตถุแห่งชาติฉบับที่ 4 ได้แก่ พัฒนาเครือข่ายข้อมูลข่าวสารเคมีแห่งชาติ พัฒนาระบบการจัดการและป้องกันอุบัติภัยจากสารเคมี รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพการจัดการของเสียวัตถุเคมี
ทั้งนี้ กทม.ได้ทำการสำรวจและประเมินความเสี่ยงสถานประกอบการที่มีการจัดเก็บ การผลิต การใช้งาน การสะสม การขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตราย เพื่อนำข้อมูลเข้าระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการบริหารจัดการสารเคมีและฐานข้อมูล โปรแกรมสำเร็จรูป เพื่อสืบค้นข้อมูลสารเคมีในกรุงเทพฯ ทำไปแล้ว 2,871 ราย คิดเป็นร้อยละ 60.44 จากสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงจากทั้งหมด 4,750 แห่ง โดยผลการประเมินความเสี่ยงสถานประกอบการพบว่า ที่ไม่ปลอดภัยมีความเสี่ยงยอมรับไม่ได้ 28 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 1.01 มีความเสี่ยงสูง 241 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 8.69 มีความเสี่ยงปานกลาง 436 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 15.72 มีความเสี่ยงน้อย 207 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 7.46 และมีความเสี่ยงยอมรับได้ 1,862 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 67.12
พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า กทม.ได้จัดประชุมเพื่อให้ความรู้แนวทางการป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ปัจจุบันสถานประกอบการในพื้นที่ชั้นในจะไม่มีการออกใบอนุญาตให้แล้ว เหลือเพียงโรงงานเก่า ๆ ที่เกิดก่อนชุมชน แต่หากเป็นโรงงานใหม่ก็จะต้องให้อยู่ในพื้นที่ชานเมือง โดยเป็นไปตามร่างผังเมืองกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามหากมีการเก็บสารเคมีไว้ในครอบครองต้องแจ้งให้สำนักงานเขตทราบ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2551 หากฝ่าฝืนจะต้องรับโทษจำคุกหรือทั้งจำและปรับไม่เกิน 10,000 บาท และเขตจะลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานจัดเก็บปีละ 1 ครั้ง
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์