‘มิ.ย.’ เดือนแห่งการรณรงค์ให้เด็กไทยสุขภาพดี
แฟ้มภาพ
60 ปี รพ.เด็ก “มิถุนายน” เดือนแห่งการรณรงค์ให้เด็กไทยสุขภาพดี ชวนรณรงค์ป้องกันลูกหลานจาก “โรคอุบัติใหม่-อุบัติซ้ำ” กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีน…ฟรี
พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เดือนมิถุนายนปีนี้พิเศษกว่าปีอื่นๆ เนื่องจากสถาบันฯ ได้เน้นการสื่อสารสู่สังคมภายใต้แนวคิดที่ว่า “ทุกประเด็นต้องรู้ ดูแลเด็กปลอดภัย โรคอุบัติใหม่” โดยเฉพาะบทบาทสำคัญในการรักษา เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคเด็ก ผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้กับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป
สถาบันฯ ได้ดำเนินการปีนี้เป็นปีที่ 2 โดยรณรงค์อย่างต่อเนื่องทุกๆ ปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งปีนี้มีกิจกรรมที่เน้นการรณรงค์ โรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญขณะนี้ โดยหน่วยโรคติดเชื้อและโรคอุบัติใหม่จะทยอยให้ความรู้ใน มุมมองด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกๆ คนได้ร่วมกันตระหนักถึงการดูแลใส่ใจรักษาสุขภาพของเด็ก พร้อมมุ่งเน้นการดูแลเด็กป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงจัดให้มีการประชุมวิชาการกุมารเวชศาสตร์ “สุขภาพเด็กแห่งชาติ” ครั้งที่ 15 ระหว่างวันพุธที่ 25 – วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2557 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค สุขุมวิท กรุงเทพ
อนึ่ง “โรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ” ที่พบได้มากในช่วงนี้ ได้แก่ โรคหัดและโรคไข้หวัดใหญ่ สำหรับโรคหัดนั้น แม้จะมีวัคซีนที่ป้องกันได้ผลดี แต่พบว่าในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมามีกระแส “กลัววัคซีน” เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ทำให้มีเด็กเสียชีวิตจากโรคหัดสูงถึง 100 ราย
ทั้งนี้โรคหัดมักมีอาการเป็นไข้ ออกผื่น โดยพบมากในเด็กเล็กและเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่อาจเป็นสาเหตุของการนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิต คือ ปอดอักเสบ ซึ่งโรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้วัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้เข็มแรก ที่อายุ 9-12 เดือน และเข็มที่ 2 ที่อายุ 2 ปีครึ่ง เลื่อนเร็วขึ้นจากเดิมที่ฉีดให้ตอนอายุ 7 ขวบ หรือตอนเข้าประถม 1
โรคติดต่ออีกชนิดที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน คือ ไข้หวัดใหญ่ รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) หนึ่งในคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้คำแนะนำในการป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเด็กว่า “เด็กเป็นกลุ่มอายุที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคปอดบวม หรือถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น การป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยการฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มทุนมากที่สุด เพราะนอกจากป้องกันตัวเด็กจากอาการเจ็บป่วยรุนแรงแล้ว ยังเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ให้แก่ผู้อื่นด้วย
องค์การอนามัยโลกและหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์เป็นลำดับแรก เพราะมีประสิทธิภาพคุ้มค่ามากเนื่องจากนอกจากป้องกันหญิงตั้งครรภ์จากโรคไข้หวัดใหญ่ซึ่งอาจรุนแรงกว่าปกติแล้ว ยังป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กอายุ 6 เดือนแรกได้ 63% (จากการศึกษาวิจัยขนาดใหญ่ในประเทศบังกลาเทศ) โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ให้ฉีดในเด็กอายุ 0-6 เดือน
แต่การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์ไม่ส่งผลใดๆ ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สามารถให้นมได้ตามปกติ อีกทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี ได้ผลประมาณ 70-90% แต่ถึงแม้ฉีดแล้วป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ก็มักมีอาการไม่รุนแรง ผลข้างเคียงพบได้ 5-10% มักเป็นอาการไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด และไข้ต่ำๆ เท่านั้น”
ในหลายปีที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้จัดให้มีการให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี แก่กลุ่มเสี่ยงอันได้แก่หญิงตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 2, 3) เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี ผู้สูงอายุ >65 ปี และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (ไม่ว่าจะอายุเท่าใด) ซึ่งขณะนี้สามารถขอรับวัคซีนป้องกันโรคหัด และป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก) ในวันจันทร์-พุธ เวลาราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รายละเอียดเพิ่มเติมโทร.สายตรงโรงพยาบาลเด็ก 1415
ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์