ภูเก็ตเจ๋ง! โชว์ผลรณรงค์ใส่กันน็อค 100%
ชมรมคนห่วงหัว โดย คุณหมอแท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พยายามรณรงค์ให้คนขี่รถจักรยานยนต์ ในกรุงเทพฯ สวมหมวกกันน็อคกันมากๆ มาวันนี้ มีข่าวจากศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ มาบอกให้ทราบว่า ที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้คนขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อคใกล้ 100% แล้ว
พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการ “ปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100%” ในปี 2553 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการ จากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บนถนนได้เป็นอย่างดี เป็นตัวอย่างสำคัญที่จังหวัดอื่นๆ สามารถนำรูปแบบไปปรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อลดอุบัติเหตุในพื้นที่ของตัวเองได้”
“แต่เดิมจังหวัดภูเก็ตมีสถิติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 1 ใน 5 ของประเทศ มีการเสียชีวิต 15-16 คนต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงมาก และพบว่า 87% ของการตายจากอุบัติเหตุ เกิดจากผู้ขับขี่จักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการริเริ่มรณรงค์ขับขี่จักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 100% ขึ้นมา” พ.ต.อ.วันไชย กล่าว
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลจาก cctv ระบุว่า ก่อนทำโครงการรณรงค์การสวมหมวกนิรภัย 100% ทั้งคนขับขี่และคนซ้อน พบว่า คนไม่สวมหมวกนิรภัยในเขตเมือง มีสูงถึงร้อยละ 60 ส่วน คนนั่งซ้อนท้ายนั้น ไม่สวมหมวกนิรภัยถึงร้อยละ 96 ส่วนเด็กเล็กๆ นั้นพบว่า ไม่มีการสวมหมวกนิรภัยเลย ทั้งที่มีงานวิจัยระดับโลกรองรับแล้ว ว่าการใส่หมวกนิรภัย จะป้องกันการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ราวร้อยละ 35
ภายหลังการดำเนินการโครงการอย่างเข้มข้นในเดือนกรกฎาคม 2553 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ส่งผลให้ปัจจุบัน ภูเก็ตมีผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัยมากกว่า 90% ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของภาคใต้ สามารถลดการเสียชีวิตได้เป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.วันไชย กล่าวว่า จากความสำเร็จข้างต้น เริ่มจากความร่วมมือกับเครือข่าย รวมถึงมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันคือ ลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บ จากการไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการหลัก โดยเริ่มจากการประชุมวางแผนการทำงาน และมีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตร่วมประชุมด้วย ขั้นตอนต่อมาคือ สร้างภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน เช่นโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ห้างร้าน ผู้นำชุมนุม ผู้นำศาสนา ฯลฯ ร่วมกันจัดทำการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ การบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นการประสานงานกันตลอดเวลา เช่น เมื่อมีนักเรียนถูกจับไม่สวมหมวกนิรภัย ขณะที่ขับขี่จักรยานยนต์ จะต้องเข้ารับการอบรมที่สถานีตำรวจ และทางสถานีตำรวจก็จะส่งรายชื่อให้ภาคีเครือข่ายนั้นๆ เพื่อดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน หรือหากยังกระทำผิดอีก ครั้งต่อไปจะเชิญผู้ปกครองมาร่วมอบรมด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
update : 26-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน