ภาษีความหวาน เปลี่ยนค่านิยม ลดป่วย NCDs
ที่มา : แนวหน้า
แฟ้มภาพ
"ภาษีความหวาน" โรงงานผลิตเครื่องดื่มปรับกระบวนการผลิตลดน้ำตาลทรายลง เพิ่มทางเลือกสุขภาพดีให้แก่ประชาชน เปลี่ยนค่านิยมผู้บริโภค ลดความเสี่ยงจากกลุ่มโรค NCDs
ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ในฐานะประธานเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวถึง การเก็บภาษีความหวานในเครื่องดื่มผสมน้ำตาล ว่า นับตั้งแต่กรมสรรพสามิตดำเนินการ จัดเก็บมาตั้งแต่ปี 2560 ส่งผลให้โรงงานผลิตเครื่องดื่มปรับกระบวนการผลิตที่เน้นลดการใช้น้ำตาลทรายลง เพื่อหลีกเลี่ยง การจ่ายภาษีความหวานที่เพิ่มขึ้น จึงเกิดผลดีทางสุขภาพแก่ประชาชน มีทางเลือกการบริโภคเครื่องดื่ม รสชาติหวานน้อยแก่ประชาชนมากขึ้น
ซึ่งแม้ว่า องค์การอนามัยโลก ได้ออกคำแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 25 กรัมต่อวัน หรือ 4-6 ช้อนชาต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไม่ติดต่อ เรื้อรัง (NCDs) แต่มีข้อมูล น่าตกใจว่าคนไทยบริโภคปริมาณ น้ำตาลโดยเฉลี่ย 100 กรัมต่อคน ต่อวันหรือมากกว่าที่ควรถึง 4 เท่า ส่งผลให้ปัจจุบันคนไทยจำนวนมาก เป็นโรคกลุ่ม NCDs เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังก่อให้เกิดฟันผุด้วย
"การรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน จะทำให้สมองหลั่งสารที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน ทำให้รู้สึกมีความสุข คุ้นชิน รวมถึงสั่งการให้ร่างกายมีความต้องการน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นติดอยู่ในวงจร ความหวาน ต้องกินอาหารหรือ ดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน บ่อยครั้งเหมือนร่างกายขาดน้ำตาลไม่ได้ จนกลายเป็นสาเหตุของโรค ต่างๆ ในที่สุด" ทพญ.ปิยะดา กล่าว