ฟื้นเมืองป่วย ช่วยเชียงใหม่

เพื่อเปลี่ยนเชียงใหม่ให้สดใสกว่าเดิม

 

          รวมพลคนเชียงใหม่ปฏิบัติการ เพื่อเปลี่ยนเชียงใหม่ให้สดใสกว่าเดิม พวกเขามีวิธีคิดที่น่ารักในการดูแลบ้านเมือง และสิ่งแวดล้อม

 

          เชียงใหม่กำลังป่วย” ไม่ได้เป็นคำกล่าวหาที่โคมลอยแต่อย่างใด เพราะยืนยันด้วยหลายสถิติน่าตกตะลึง ตั้งแต่สถิติคนฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศอยู่หลายครั้ง ละอ่อนเวียงพิงค์ทั้งหลายยังกินเหล้า สูบบุหรี่ สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ 3 เท่าตัว

 

          แล้วยังต้องเจอกับวิบากกรรมบนท้องถนนกับความเร็วที่ช้าอย่างเหลือเชื่อ โดยการจราจรที่ติดหนึบของเชียงใหม่เป็นรองก็แค่กรุงเทพฯเท่านั้น ที่สำคัญคือ เชียงใหม่เป็นเจ้าของตำแหน่งผู้นำเมืองขยะแห่งประเทศไทยหลายสมัยติดต่อกัน

 

          ยังไม่นับอีกหลายปัญหา ที่แม้วัดความรุนแรงออกเป็นตัวเลขได้ยาก แต่ก็ยังจัดเป็นวิกฤติที่ต้องรีบจัดการ อาทิ ปัญหาน้ำเน่าเสีย ซึ่งน้ำในคลองบางจุดไม่สามารถนำมาใช้ได้แม้กระทั่งรดน้ำต้นไม้!

 

          ฟังแล้วเริ่มสงสัยหรือยังว่า..คนเชียงใหม่ ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร

 

ฟื้นเมืองป่วย ช่วยเชียงใหม่

 

          “..ชินแล้ว ..เบื่อมาก แต่ทำยังไงได้ ต้องทนเอา ..ไม่ใช่หน้าที่ของเรา รอให้ราชการมาแก้ปัญหาให้ ฯลฯ” คือคำตอบของคนส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่คนเชียงใหม่คิดและพูดออกมาแทบไม่ต่างกันก็คือ “ฮักเจียงใหม่” เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนได้อย่างไรบ้าง ไม่เคยมีช่องทางไหนที่เปิดโอกาสให้ได้แสดงออกซึ่งความรักและหวังดีต่อเมือง

 

          ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” จึงถือกำเนิดขึ้น โดย ณัฐพงษ์ จารุวรรณพงศ์ ตัวแทนจาก สสส. รับหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการ เชื่อมโยงเครือข่าย ภาคี และเอ็นจีโอทั้งหลาย ซึ่งเดิมทีก็ทำกิจกรรมเพื่อเมืองเชียงใหม่กันอยู่แล้ว เพียงแต่ต่างคนต่างทำ คราวนี้มาจับมือกันทวีพลังสร้างให้เชียงใหม่เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วยภาคประชาชน ไม่ต้องรอให้ราชการขับเคลื่อน โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ปัญหาหลัก คือ ขยะ, น้ำเสีย และ การเกษตรที่ใช้สารเคมี

 

          เชียงใหม่มีภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง มีกลุ่ม เครือข่ายที่ทำกิจกรรมดีๆ อยู่เยอะมาก แต่แทนที่จะทำกันเองแค่ในกลุ่มเล็กๆ เราลองมาคิดใหม่ รวมพลังกันทำให้มันใหญ่ขึ้น โดยชักชวนให้ชาวเมืองร่วมทำกิจกรรมกับเราด้วย เราอยากเปลี่ยนทัศนคติให้คนทั่วไปเห็นว่าคนคนเดียวก็ทำอะไรเพื่อเชียงใหม่ได้”

 

          เพราะการทำความดีไม่จำเป็นต้องผูกขาด เงินน้อย เงินมาก ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ก็ทำได้ทั้งนั้น” ณัฐพงษ์ อธิบายถึงสาเหตุของการตั้งเป้าหมายที่จะให้คนมากถึง 1 แสนคนได้มีส่วนร่วมกับโครงการดังกล่าว

 

          ปลูกต้นไม้ให้ได้ 1 แสนต้น, ลดปริมาณขยะให้ได้ 30% หรือคิดเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดเก็บได้ 60 ล้านบาท, ชักชวนให้ 1 หมื่นครัวเรือน จาก 7 หมื่นครัวเรือนติดตั้งบ่อดักไขมัน ก่อนจะระบายลงสู่แม่น้ำลำคลอง, เพิ่มจุดเข้าถึงอาหารอินทรีย์ให้ได้ทุก 400 เมตรทั่วเมืองเชียงใหม่ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ทีมงานตั้งไว้ ก่อนจะบรรจุนับร้อยกิจกรรมไว้บนปฏิทินพิเศษจำนวน 99 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มต้นโครงการ เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2553

 

          ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม คือการปลดล็อกอุปสรรคต่างๆ โดยเรานำมาเชื่อมต่อกันให้เป็นวงจรที่สมบูรณ์ นี่ไม่ใช่แค่การเดินขบวนเชิญชวน หรือจัดงานรณรงค์ แต่เราเชื่อว่า มันสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง”

 

          วงจรที่สมบูรณ์” ที่ณัฐพงษ์พูดถึงนั้นเกิดจากการร่วมมือจากหลายฝ่ายที่มาร่วมกันทำ ร่วมกันคิด เพื่อให้ปฏิบัติการดำเนินไปได้อย่างไม่สะดุด ยกตัวอย่างเช่น หากบ้านเรือนเริ่มแยกขยะให้ถูกวิธี ก็สามารถนำไปขายที่สถานีคัดแยกขยะใกล้บ้าน หรือจะไปทำบุญด้วยการบริจาคให้กับธนาคารขยะที่โรงเรียนใกล้บ้านเพื่อเป็นรายได้นำมาพัฒนาโรงเรียน นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้กลุ่มซาเล้งและคนไร้บ้านมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง จากที่เคยเป็นภาระของเมืองคนเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญช่วยเป็นหูเป็นตาขจัดความสกปรกออกจากเมืองให้หมดสิ้น

 

          ส่วนใครชอบปลูกต้นไม้ก็สามารถนำขยะรีไซเคิลไปแลกต้นไม้ที่ถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์ ซึ่งกล้าไม้ที่รอแลกกับขยะได้มาจากการอบรมเรือนเพาะชำท้องถิ่น ประสานกับโรงเรียนและวัดเพื่อเพาะพันธุ์ไม้ให้ได้ 1 แสนต้น นอกจากจะได้วิชาความรู้แล้ว ยังได้ช่วยเพิ่มสีเขียวให้เมืองเชียงใหม่ด้วย

 

          เส้นทางของขยะ นอกจากจะนำส่วนหนึ่งไปรีไซเคิลแล้ว ยังมีอีกหลายโครงการที่ทีมปฏิบัติการวาดแผนต่อจิ๊กซอว์ให้เกิดเป็นวงจรที่สมบูรณ์ ทั้งการสร้างบ้านดินจากขยะเพื่อคนรายได้น้อย, ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ แปลงขยะเป็นปุ๋ยคุณภาพเยี่ยม ทั้งนี้ทางเทศบาลเมืองเชียงใหม่รับปากว่า เงินที่ลดได้จากค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะราว 60 ล้านบาทจะนำมาใช้ประโยชน์เพื่อต่อยอดโครงการต่อไป

 

          นอกจากนี้ในเรื่องของอาหารการกินก็เป็นเรื่องสำคัญ “เกษตรอินทรีย์” คือวาระที่ถูกบรรจุเข้าไว้ในปฏิบัติการครั้งนี้ เนื่องจากพบว่า เกษตรกรในเชียงใหม่มีอัตราการใช้สารเคมีในการทำเกษตรสูงกว่าร้อยละ 80 อันนำมาสู่ปัญหาสุขภาพของทั้งคนปลูกและคนกิน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

          แต่ปัญหาที่ชาวไร่ชาวสวนที่ทำเกษตรอินทรีย์พบเจออยู่เนืองๆ นั่นก็คือการหาพื้นที่วางขายให้เข้าถึงลูกค้าได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ซึ่งทีมงานก็ได้จัดประสานงานหาพื้นที่ขายให้กับเกษตรกร

 

          ส่วนปัญหาการจราจรติดขัด โครงการเชียงใหม่เอี่ยมได้เลือกทดลองแก้ปัญหารถติดในชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนเจริญประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนขนาดใหญ่ 4 โรง ทุกวันนี้ความยาวแค่ 2 กิโลเมตรบนถนนเจริญประเทศ ต้องใช้เวลามากถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะผ่านออกไปได้

 

          ทางแก้ที่ทีมงานเลือกใช้คือเปิดให้เป็นถนนกึ่งคนเดิน โดยระหว่างเวลา 0.700 – 08.30 น. จะปิดหนึ่งเลนสำหรับรถจักรยาน เพื่อสนับสนุนให้มีการขี่จักรยานมาโรงเรียน เริ่มทดลองทำ 1 วันต่อสัปดาห์ โดยจะปล่อยให้รถเข้ามาในถนนได้เฉพาะรถที่มารับส่งเด็กเล็ก ซึ่งเมื่อนำเรื่องนี้ไปเสนอกับโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง ทางผู้ปกครองยังเสนอเพิ่มเติมว่าจะรื้อฟื้นระบบรถโรงเรียนกลับมาใช้อีก เพื่อให้การจราจรคล่องตัวขึ้น ทั้งยังลดมลพิษบนถนนเส้นนี้ได้อีกทางหนึ่ง

 

          สำหรับการรณรงค์ให้มีการขับขี่จักรยานไม่ได้มีเป้าหมายแค่เด็กนักเรียนเท่านั้น ทางโครงการได้ประสานไปยังเทศบาลรื้อฟื้นเส้นทางจักรยานกลับขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่มีอยู่แล้วแต่คนไม่ค่อยใส่ใจ ได้สร้างแรงจูงใจโดยมอบสิทธิประโยชน์สำหรับคนขี่จักรยาน อาทิ ส่วนลดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ, รับบริการซ่อมฟรีจากคลินิกจักรยาน นอกจากนี้ทุกวันอาทิตย์ยังจัดให้เป็นวันขี่จักรยานชมเมือง

 

          ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนต้องใช้เงินมาก แต่ทีมงานยืนยันว่าเป็นไปได้เพราะได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญคือพลังความร่วมมือของภาคประชาชนล้วนๆ บนเป้าหมายที่จะพิชิตสิ่งซึ่งนักการเมืองฝ่ายปกครองพยายามทำมาเป็นสิบปี แต่ไม่เคยสำเร็จสักที

 

          ท้าพิสูจน์ ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม กับ 99 วัน จัดการกับ 3 ปัญหา ด้วยพลังของภาคประชาชนได้ตั้งแต่บัดนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

update: 11-02-53

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

Shares:
QR Code :
QR Code