พัฒนาบริการสาธารณสุข สู้โควิด-19
ที่มา : มหาวิทยาลัยมหิดล
แฟ้มภาพ
การพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณสุข และเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมแก่ประชาชน นับเป็นสิ่งสำคัญที่ทาง ม.มหิดล ได้ร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือ เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
วันที่ 23 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันบริการสาธารณะแห่งสหประชาชาติ" (United Nations Public Service Day) เพื่อให้ชาวโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ให้บริการประชาชน ซึ่ง "การมีสุขภาพดี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนพึงได้รับ โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 งานบริการสาธารณสุขมูลฐาน (Primary Health Care) เพื่อการดูแลสุขภาพอนามัยโดยประชาชน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ด้วยการสนับสนุนของรัฐ กำลังเป็นที่พึ่งที่สำคัญยิ่งของประชาชนในยามนี้
ที่ผ่านมาเมื่อกล่าวถึงงานบริการด้านสาธารณสุขมูลฐานรองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ภูดิท เตชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะนึกถึง "งานบริการชั้นสอง" ที่มีคุณภาพด้อยกว่าคุณภาพของงานบริการรักษาพยาบาลโดยทั่วไป ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้หมายถึง การให้บริการสุขภาพเบื้องต้นโดยภาคประชาชนสำหรับประเทศที่ด้อยพัฒนาเท่านั้น
สาเหตุที่เข้าใจกันคลาดเคลื่อนนี้เกิดขึ้น เนื่องจากเรื่องสาธารณสุขมูลฐานในความเป็นจริงนั้นมีหลายแง่มุมที่เกี่ยวพันกัน ซึ่งโดยหลักการ คือ ความต่อเนื่อง เชื่อมโยง และส่งต่อสู่บริการในระดับที่สูงขึ้นไป หรือบริการที่เกี่ยวข้องหากมีความจำเป็นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพ ที่มีคุณภาพด้วยความเป็นธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง โดยเป็นหลักการที่ทุกประเทศทั่วโลกควรต้องนำไปปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว
ประเทศไทยเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีผลงานโดดเด่น ในการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐาน และเป็นตัวอย่างให้กับองค์การอนามัยโลก (WHO) และนานาประเทศ นำไปเป็นต้นแบบในหลายประเด็น เช่น การพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนโดยผ่านการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การสร้างนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ โดยผ่านสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
ซึ่งในประเทศไทยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในเรื่องสาธารณสุขมูลฐานที่แตกต่างกัน โดยมีองค์กรหลักที่สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมดำเนินงานสาธารณสุขมูลฐานของกระทรวงสาธารณสุข คือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งดูแลประชาชนเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองด้านสุขภาพที่ยั่งยืนแบบมีส่วนร่วม
โดยมีงาน อสม. เป็นส่วนสำคัญในการให้บริการด้านสาธารณสุขมูลฐานในชุมชน ซึ่งสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีส่วนสนับสนุนในการพัฒนาบทบาทของ อสม. ผ่านการจัดฝึกอบรม และการดำเนินงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมีบทบาทในการเป็นกรรมการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ชาติ ในเรื่องของการพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ที่เพิ่งได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปีพ.ศ.2562 ที่ผ่านมา เพื่อที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชนให้สามารถจัดการสุขภาพแบบพึ่งตนเองได้นั้น รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ภูดิท ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ
โดยมีบทบาทในการร่วมพิจารณาจัดทำร่างแผนพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ (พ.ศ.2563 – 2567) เพื่อพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ทั้งในเรื่องการจัดบริการการพัฒนาระบบสารสนเทศ และการพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ภูดิท มองว่า ในเรื่องระบบสุขภาพและบริการสุขภาพนั้น ประเทศไทยสามารถทำได้ดีพอสมควรแล้ว แต่ควรต้องสร้างความเข้มแข็งในเรื่องของวิชาการและการศึกษาเพื่อการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานที่ยั่งยืนด้วย
โดยในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ริเริ่มวิจัยเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เรื่อง "การพัฒนาบทบาทของ อสม. เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" ตลอดจนได้ริเริ่มพัฒนาหลักสูตร"เวชศาสตร์วิถีชีวิต" (Lifestyle Medicine) ขึ้นเพื่อผลักดันให้เกิดรูปแบบการบริการแบบใหม่ ที่จะมุ่งปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สู่การมีสุขภาพแข็งแรงเพียงพอที่จะต่อสู้กับโรคอุบัติใหม่ต่างๆ
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สำนักประสานงานสนับสนุนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะรองรับสังคมสูงวัย (สปสว.) จัดทำรายการ "3 วัยไล่โควิด" เผยแพร่ทาง YouTube โดยใช้พลังปัญญาของผู้สูงวัยมาแนะนำแนวทางและนโยบาย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการดูแลตัวเอง เพื่อให้ปลอดภัยในช่วงวิกฤติ COVID-19 ตลอดจนจัดอบรมระยะสั้นออนไลน์นานาชาติ เพื่อรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ฯลฯ
"ทุกประเทศทั่วโลกยอมรับว่าการสาธารณสุขมูลฐานเป็นพื้นฐาน และเป็นหลักการสำคัญที่จะทำให้ทุกประเทศทั่วโลกบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของโลก ซึ่งการสาธารณสุขมูลฐานในโลกยุคใหม่ มีความสำคัญโดยถือเป็นเครื่องมือ กลไก และหลักการอันเป็นบันไดขั้นพื้นฐานที่จะทำให้ระบบสุขภาพของทุกประเทศมีความเข้มแข็ง และมีศักยภาพสู่การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิดการสร้างความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ให้เกิดเป็นเครือข่ายในการนำพลังของทุกคนมาร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาสุขภาพที่นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยั่งยืนของประชาชนต่อไป สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเป็น"ปัญญาของแผ่นดิน" ในการเป็นหน่วยเลขาธิการที่จะทำหน้าที่ประสานงานเชื่อมต่อ สู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศดังกล่าว" รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ภูดิท กล่าวทิ้งท้าย