พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาสช่วยเลิกเหล้า

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


ภาพประกอบจาก สสส.


พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาสช่วยเลิกเหล้า thaihealth


ผอ.ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา เผยคนแห่โทรปรึกษาเลิกเหล้าเกือบเท่าช่วง สสส. รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เปิด 7 ข้อบ่งชี้ ภาวะติดเหล้า แนะมีอาการลงแดง โทรปรึกษา 1413 สายด่วนเลิกเหล้า ด้านรองผอ.รพ.น่าน เผยตัวเลขผู้ป่วยภาวะถอนพิษสุราน้อยกว่าที่คาด ชี้ สธ.วางระบบดูแลผู้ป่วยแอลกอฮอล์ลิซึ่มทุกจังหวัด จัดทีมจิตแพทย์ช่วยเหลือ หนุนสงกรานต์-ปีใหม่ เลิกขายเหล้าช่วยลดอุบัติเหตุ ลดเจ็บตาย


เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.อ.(พิเศษ) นพ.พิชัย แสงชาญชัย ผู้อำนวยการศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา  1413 สายด่วนเลิกเหล้า  สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า   ในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินและมีการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า   มีประชาชนโทรเข้ามาขอรับคำปรึกษาเพื่อให้สามารถหยุดการดื่มได้อย่างปลอดภัยจำนวนมาก โดยเกือบเท่ากับช่วงที่ สสส. มีการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน โดยภาวะการติดเหล้า จะมีข้อบ่งชี้ 7 ข้อ  คือ 1.มีภาวะดื้อแอลกอฮอล์ ต้องดื่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เมาเท่าเดิม  2.มีภาวะถอนแอลกอฮอล์หลังงดดื่มหรือลดการดื่มลง  3.ดื่มมากกว่าหรือนานกว่าที่ตั้งใจไว้ 4.พยายามลดลงหรือเลิกดื่มแต่ก็ไม่สำเร็จ 5.หมกมุ่นและใช้เวลาหมดไปกับการดื่ม 6.เสียงานเสียการเนื่องจากปัญหาการดื่ม 7.ยังคงดื่มอยู่ แม้ว่าเกิดผลกระทบอย่างมากแล้ว


“หากใครที่มีอาการ 3 ข้อขึ้นไป จาก 7 ข้อ เรียกว่าอยู่ในภาวะติดเหล้า หากหยุดหรือลดการดื่มกะทันหัน บางรายอาจมีภาวะถอนแอลกอฮอล์ที่รุนแรงตามมา  ระดับความรุนแรงหลังการหยุดดื่มขึ้นอยู่กับปริมาณและความยาวนานของการดื่มในอดีตที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการเลิกดื่ม หรือมีภาวะถอนแอลกอฮอล์ สามารถโทรปรึกษาได้ที่ 1413 สายด่วนเลิกเหล้า หรือ Line ID: 1413helpline หรือ facebook fanpage: ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา Alcohol Help Center จะมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาการดูแลตัวเองในเบื้องต้น และให้คำปรึกษาการส่งต่อไปยังสถานพยาบาล เพื่อหยุดดื่มอย่างปลอดภัย การให้คำปรึกษาเหมือนเป็นการให้กำลังใจ สร้างพลังให้ผู้ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองทำได้สำเร็จจริงๆ” ผู้อำนวยการศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา  กล่าว


พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาสช่วยเลิกเหล้า thaihealth


นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน  เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มสุราในประเทศไทย คาดว่ามีจำนวน   1,800,000  คน โดยการประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ จะส่งผลให้คนที่มีปัญหาจากการดื่มประมาณ 2%  หรือ  36,000  คนทั่วประเทศ จะได้รับผลกระทบเนื่องจากอาจเกิดอาการถอนแอลกอฮอล์ หรืออาการลงแดงจากการขาดสุรา ซึ่งกลุ่มนี้จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่พบว่า หลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้


นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า ในจังหวัดน่าน ประเมินว่าจะมีผู้เข้ารับการรักษา  259  คน แต่จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่  9 -16  เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยภาวะถอนพิษสุราเข้ารักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดน่าน  40  คน โดยเป็นผู้ป่วยที่รักษาแบบนอนค้าง 18   คน และรักษาแบบผู้ป่วยนอก  22  คน โดยรับไว้รักษาที่โรงพยาบาลน่าน  5  คน และโรงพยาบาลชุมชนแห่งละ  1-4  คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการถอนพิษสุราหลังจากหยุดดื่ม  2-3  วัน อาการจะมีตั้งแต่ อาการมือสั่น หงุดหงิด จนถึงอาการประสาทหลอนและชักเกร็ง แต่อาการดังกล่าวสามารถควบคุมได้ด้วยยา ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการดีขึ้น รู้ตัวและพูดคุยได้ บางรายกลับบ้านไปแล้ว


ทั้งนี้ สาเหตุที่มีผู้ป่วยน้อยกว่าคาดการณ์เนื่องจากทีมจิตแพทย์โรงพยาบาลน่าน ได้ค้นหาผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังที่เคยเข้ารักษาในโรงพยาบาลมา และกระจายให้พยาบาลจิตเวชชุมชนทุกอำเภอ โทรศัพท์ติดตามผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอสม. ในพื้นที่ หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ มือสั่นให้มารับยาที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งระบบลักษณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งในกระทรวงสาธารณสุข ได้วางเครือข่ายสุขภาพในทุกชุมชนอยู่แล้ว


“มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีข้อดีที่สำคัญคือ อุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดน่านลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีผู้ป่วยที่นอนรักษาที่โรงพยาบาล  65   ราย เหลือ  15  รายในปีนี้ ซึ่งลดลง  76.9%   ผู้เสียชีวิตลดลงจาก  5  ราย เหลือเพียง  1  ราย ลดลง  80%  และไม่มีผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ต้องใส่ท่อช่วยใจ ซึ่งเท่ากับช่วยเก็บเครื่องช่วยหายใจไว้ในกรณีที่มีผู้ป่วยโควิดได้ ซึ่งตนขอสนับสนุนให้เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ในปีต่อไป ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยลงได้ ตามคำกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ว่าสุขภาพนำเสรีภาพ” นพ.พงศ์เทพ กล่าว


พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาสช่วยเลิกเหล้า thaihealth


ด้านนพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พร้อมใจกันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ส่งผลให้สามารถช่วยชีวิตคนให้รอดจากอุบัติเหตุทางถนนได้ประมาณ  300  กว่าคน และที่สำคัญสามารถลดเยาวชนอายุต่ำกว่า  20  ปี ที่แล้วเมาแล้วขับจากปีแล้ว 20.0%  เหลือเพียง  5.5%  ในปีนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ครอบครัวและชุมชนได้ช่วยบุคคลอันเป็นที่รักได้ เข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาดีกว่ารอให้เจ็บป่วยจากโรคตับแข็ง เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือเป็นมะเร็งตับแล้วค่อยมารักษา


ทั้งนี้ สสส. มูลนิธิเมาไม่ขับ ภาคีเครือข่ายที่ทำงานรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนหมอและบุคลากรทางการแพทย์จะได้นำประเด็นเรื่องการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปศึกษาเพื่อถอดบทเรียน เสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เป็นนโยบายสำคัญเพื่อลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนจากสาเหตุการดื่มแล้วขับให้เป็นรูปธรรมต่อไป

Shares:
QR Code :
QR Code