พลังศรัทธา อนุรักษ์ป่าชุมชน บ้านเขาน้อย

 

เป็นที่ทราบกันว่า ช่วงปลายปี 2554 จนถึงต้นปี 2555 การบุกรุกป่าในพื้นที่อนุรักษ์บางส่วนของอำเภอวังน้ำเขียวเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ข่าวนั้นมิเพียงแสดงให้เห็นว่าการรุกรานของนายทุนสู่พื้นที่ป่าธรรมชาติไม่เคยจางหายไปจากสังคมไทย

“ผมได้ฟังข่าวนั้นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ ชาวบ้านหลายคนที่นี่ก็ไม่สบายใจ คนที่นี่ฟังข่าวแล้ว รู้สึกว่าคนวังน้ำเขียวด้วยกันแท้ๆ ทำไมต้องทะเลาะกัน ผมเลยตั้งใจว่า ในเขตบ้านของเรา พื้นที่ป่าธรรมชาติที่ถูกรุกไปนี่ เราต้องจัดการให้ถูกต้อง ควรที่จะนำเอาความสมบูรณ์กลับมาคืนสู่ชุมชนและธรรมชาติอีกครั้ง” ธงไชย ยอดนอก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บ้านหนองแวง ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เล่าให้ฟัง

ธงไขย เพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อปี 2554 ซึ่งความตั้งใจอย่างแรกคือ การฟื้นคืนป่าไม้ในป่าเขาน้อยให้ฟื้นกลับมาดังเดิม เพื่อสร้างความเป็นรูปธรรมให้สวนกับทิศทางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่า ชาวบ้านที่นี่มีความตั้งใจจริง

โดยในปีแรกที่เข้ามาย้อนกลับไปในปี 2554 ผู้ใหญ่บ้านธงไชยได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ในการตระเวนพบปะพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ทำการรุกล้ำพื้นที่ป่า เจรจาของคืนพื้นที่ เพื่อปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูให้กลับมาเป็นป่าธรรมชาติดังเดิม ซึ่งจากการทำงานด้วยความตั้งใจและจริงจังของผู้ใหญ่ ทำให้สามารถขอพื้นที่คืนมาจากชาวบ้านได้ถึง 40 ไร่

จริงๆ แล้วการอนุรักษ์ป่าชุมชนของบ้านหนองแวงนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2516 จากการรวมตัวของชาวบ้านหมู่ 12 แห่งนี้ โดยจัดตั้งเป็น ศูนย์อนุรักษ์ป่าเขาน้อย บ้านหนองแวง ด้วยตระหนักเห็นถึงปัญหาการบุกรุกแผ้วถางป่า เพื่อนำไปเผาถ่าน และปลูกมันสำปะหลัง ทำให้ป่าเสื่อมโทรม ส่งผลให้อาหารของครัวเรือนได้รับผลกระทบไปตามกัน แต่กระนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว การอนุรักษ์ป่าก็ยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมากนัก

กว่าการปลูกป่าจะเห็นผลอย่างยั่งยืนในวันนี้ ก็ต้องรอการมาถึงของ พระฉันทะธัมโม หรือครูบาปาน ซึ่งท่านได้ธุดงค์มาโปรดโยมแม่ของเพื่อนท่านที่บ้านเขาน้อย เมื่อ 2550 ท่านได้ปักกลดอยู่ในเพิงหินอันสงบเงียบภายในเขตป่าชุมชนบ้านเขาน้อย ด้วยวัตรปฏิบัติที่แน่วแน่ เคร่งครัดในวินัยของสงฆ์ ส่งผลให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา และนิมนต์ให้อยู่คู่หมู่บ้านหนองแวง เพื่อเป็นนาบุญของชาวบ้านต่อไป โดยจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์วัดป่าเขาน้อย

ภายหลังไม่นาน ครูบาปานเห็นว่า ป่าของหมู่บ้านเสื่อมโทรมมาก จึงได้เริ่มทำการปลูกป่า เมื่อชาวบ้านเห็น จึงเกิดแรงผลักดันให้หันมาอนุรักษ์ป่าของบ้านตัวเอง ประกอบกับคำพระจากครูบาปาน ซึ่งชักชวนให้ชาวบ้านหันมาให้ความสำคัญกับป่า ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านเห็นการปลูกป่าเป็นความสำคัญ

“เห็นพื้นที่ไร้ร่มเงา ก็เลยปลูกต้นไม้ ไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมาว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวบ้าน ตอนที่มาก็ยังมีเห็นชาวบ้านรุกป่าอยู่ แต่สองสามปีหลังไม่เห็นแล้ว ชาวบ้านหลายคนเห็นครูบาปลูก เขาก็ไปช่วยเตือนๆ กัน ว่า พระท่านมาอยู่แล้วนะ และเป็นคนปลูกต้นไม้ด้วย” ครูบาปานเล่าให้ฟัง

ในเวลาไม่ถึงปี ครูบาปานปลูกต้นไม้ไปแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นต้น นี่เป็นผลพวงจากแค่สองมือ หากเมื่อรวมอีกหลายร้อยหลายพันมือจากชาวบ้าน คงไม่แคล้วมากถึงจำนวนแสน โดยบรรดากล้าไม้ที่นำมาปลูกลงในเขตพื้นที่ป่าชุมชน รวมทั้งบริเวณเขตวัดป่า มีทั้งมะค่า พยูน ชิงชัน ตะเคียน ยางนา การมาร่วมกันของชาวบ้านนี้ มิใช่เพียงกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งเท่านั้น เป็นการร่วมมือกันทั้ง หมู่บ้านตั้งแต่เด็กน้อย ผู้ใหญ่ ทั้งหญิงชาย ไปจนถึงคนเฒ่า

อย่างสำเรียง หิ้วพิมาย คนทำไร่ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวครูบาปาน ได้ขึ้นมาถือศีลปฏิบัติธรรมในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งกว่า 1 เดือน เธอไม่ได้กลับบ้านเลยสักครั้ง ในตอนเช้าทำวัตร สวดมนต์ นั่งสมาธิ ขณะที่ในช่วงสาย หรือบ่ายนั้น เธอจะปลูกต้นไม้ และช่วยกำจัดวัชพืช

ผู้ใหญ่บ้านธงไชย บอกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ บรรดาเห็ดป่า ผักป่า มีมากขึ้นกว่าสมัยที่ยังไม่เข้ามาดูแลป่า เพราะโดยเนื้อแท้ของป่าชุมชนเขาน้อยก็เปรียบเป็นเสมือนห้องครัวของชุมชน ที่มีของสดสะสมไว้มากมาย ให้ทุกคนได้เข้ามาหยิบไปปรุงเป็นอาหารเลี้ยงชีพ รวมทั้งเก็บไปจำหน่ายเป็นรายได้พิเศษ นอกเหนือไปจากการทำการเกษตร พืชผักชนิดต่างๆ นั้นหมุนเวียนออกผลผลิตกันให้เก็บได้ทั้งปี เมื่อเป็นเช่นนี้การดูแลห้องครัวของชุมชนให้มีความหลากหลายสมบูรณ์ ผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืนคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากชาวหนองแวง

“ผู้คนที่นี่เชื่อคำพระ หลายคนพอว่างจากงานไร่ งานบ้าน มีเวลาเหลืออยู่ก็มาช่วยพระครูบาท่านดูแลต้นไม้ ด้วยศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อครูบา กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดความร่วมมือในการดูแลป่าชุมชนอย่างจริงจัง หลายคนมาเก็บของป่าก็จะช่วยดูแลป่าไปด้วยอีกแรง” ผู้ใหญ่บ้านธงไชยเล่า

ในเวลานี้ การปลูกต้นไม้ของบ้านหนองแวง เสมือนเป็นวาระของหมู่บ้าน อย่างรุ่งเรืองชัย สำราญบำรุง หรือน้องรอด อายุเพียง 14 ปี แถมเป็นคนจากพื้นที่อื่น ก็เป็นอีกแรงที่มาช่วยครูบาปานปลูกต้นไม้ ซึ่งพ่อของรอดมีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวครูบาปานเป็นอันมาก จึงให้ลูกชายมาอยู่ช่วยกิจของครูบา

“เพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยครับ ปกติช่วงปิดเทอมก็มาอยู่ช่วยครูบาปานอยู่แล้ว มาช่วยครูบาปานออกบิณฑบาตร เก็บกวาดใบไม่ กำจัดวัชพืช แล้วก็ปลูกต้นไม้ อย่างครั้งนี้ มาอยู่ได้ไม่นานก็จำไม่ได้แล้วว่า ปลูกไปกี่ต้น” น้องรอดเล่าให้ฟัง

ป่าชุมชนบ้านเขาน้อย ได้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของผู้คนในชุมชน ที่ได้ร่วมมือ ลงแรง ร่วมใจกัน ดูแลป่าไม้ธรรมชาติ โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้จุดประกายที่สำคัญ ทั้งยังมีผู้นำชุมชนที่เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา

ปัจจุบันพื้นที่ป่าของบ้านหนองแวงเริ่มกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าต้นไม้ที่ปลูกไปยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่เมื่อมองไปทางใด ก็เห็นต้นเล็กต้นน้อย ต้นกลางกำลังเติบโต เพื่อเป็นร่มเงา และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารชุมชน ก็เสมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่า สิ่งที่ครูบาปานได้ริเริ่มไว้ ได้หยั่งรากลงไปในหัวใจของชาวหมู่บ้านหนองแวง เป็นอุดมสมบูรณ์ที่ยั่งยืนเกินสิ่งใด

 

 

 

ที่มา : สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สน.3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code