พบโฆษณาแฝงรายการข่าวบันเทิง 70%

นักวิชาการเสนอ จัดมาตรฐาน-เรตติ้ง

 

มีเดียมอนิเตอร์ เปิดผลสำรวจ รายการบันเทิงไทย  พบมีเนื้อหาส่อลามกอนาจาร ความรุนแรง พิธีกรมักใช้ภาษาจิก แฝงเรื่องเพศ ชู้สาว มีโฆษณาแฝงกว่า 70% นักวิชาการเสนอ จัดมาตรฐาน-เรตติ้งรายการบันเทิงให้เข้มข้นขึ้น เน้นคุณภาพมากกว่าสีสัน

พบโฆษณาแฝงรายการข่าวบันเทิง 70%

วันที่ 17 มิถุนายน ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ โครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อและพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม (มีเดีย มอนิเตอร์) เปิดเผยว่า โครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อฯ ร่วมกับ สสส. ได้สำรวจเรื่อง รายการข่าวบันเทิงในฟรีทีวี” (ช่อง 3,5,7,9,NBT และทีวีไทย) ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2552 ผลสำรวจพบว่า มีรายการข่าวบันเทิงในฟรีทีวี ทั้งสิ้น 30 รายการ มีข่าวบันเทิงทั้งหมด 1,052 ชิ้น รวมเวลาออกอากาศ 2,315 นาทีต่อสัปดาห์ โดยสถานีที่มีเวลาออกอากาศมากที่สุดคือ ช่อง 3 จำนวน 6 รายการ 602 นาทีต่อสัปดาห์ รองลงมาคือ ช่อง 5 จำนวน 7 รายการ 590 นาทีต่อสัปดาห์ ช่อง 7 จำนวน 5 รายการ 362 นาทีต่อสัปดาห์ ช่อง 9 จำนวน 6 รายการ 445 นาทีต่อสัปดาห์ ช่อง 11 มีเพียง 1 รายการ 50 นาทีต่อสัปดาห์ และช่องทีวีไทย มี 4 รายการ 266 นาทีต่อสัปดาห์  ทุกรายการเป็นเรต ทั่วไป ออกอากาศทุกวัน ทุกช่วงเวลา ความยาวอยู่ระหว่าง 5-45 นาที

 

นายธาม กล่าวต่อว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ที่รายการข่าวบันเทิงนำเสนอมากที่สุดคือ  ข่าวคนดัง ดารา นักร้อง คิดเป็น 56% รองลงมาคือ ข่าวโปรโมท 31% และข่าวศิลปวัฒนธรรม 12% โดยเกือบ 2 ใน 3 ของข่าวทั้งหมด หรือ 63.7% ใช้แหล่งข้อมูลจากดารา นักแสดง นักร้อง ที่น่าเป็นห่วงคือ พบว่า ในจำนวนข่าวบันเทิง 1,052 ชิ้น เป็นข่าวที่มีเนื้อหาส่งผลกระทบทางสังคม 54 ชิ้น คิดเป็น 5.32%  โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องลามก อนาจาร เรื่องเพศ และความรุนแรง ขณะที่อีก 40 ชิ้น มีลักษณะใส่ความ หมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง  และเป็นข่าวที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 14 ชิ้น

 

สอดคล้องกับการใช้ภาษาในรายการข่าวบันเทิง ที่ผู้ดำเนินรายการมักใช้ภาษาแบบแซวจิกกัดมากที่สุด รองลงมาคือ ภาษาแบบขำขัน ภาษาข่าวแบบหวือหวา ที่น่าตกใจคือ มีการใช้ภาษาแบบสองแง่สองง่าม ที่สื่อความหมายแฝงเรื่องเพศ ในลักษณะชู้สาว ลามก อนาจาร ซึ่งมักพบในทุกชิ้นข่าวที่เนื้อหาเน้นชีวิตรักของคนดังนายธาม กล่าว 

 

นายธาม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่า รายการบันเทิงส่วนใหญ่มักมีการโฆษณาทั้งทางตรง และแฝง จำนวนมาก โดยพบ 10 รายการที่มีระยะเวลาการโฆษณาเกินกำหนดของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้สามารถมีระยะเวลาในการโฆษณาได้ไม่เกินชั่วโมงละ 12 นาทีครึ่ง ส่วนการโฆษณาแฝงในข่าวบันเทิง จากการศึกษาแบบสุ่ม รายการละ 5 เทป พบมีโฆษณาแฝงมากถึง 25 รายการ ส่วนใหญ่เป็นการโฆษณาแฝงในข่าวมากถึง 807 ชิ้น คิดเป็น 77% ขณะที่รายการข่าวบันเทิงมีอัตราค่าโฆษณาอยู่ระหว่าง 1-3 แสนบาทต่อนาที

 

พญ.พรรพิมล หล่อตระกูล ผู้จัดการโครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อฯ กล่าวว่า ยอมรับว่ารายการบันเทิงส่วนใหญ่เน้นการประชาสัมพันธ์ และการโปรโมท และมีหลายรายการที่ไม่ได้จัดกรอบการนำเสนอแก่ผู้ชม ดังนั้นรายการข่าวบันเทิงจึงควรเน้นคุณภาพของข่าวบันเทิงให้มากขึ้น ไม่ควรให้ความสำคัญ หรือพื้นที่ข่าวแก่ดารา นักร้องที่มีพฤติกรรมในทางลบ หากนำเสนอก็ควรเป็นไปในลักษณะสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่จะไม่เอาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน

 

พญ.พรรพิมล กล่าวต่อว่า ส่วนพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ ควรระมัดระวังการใช้ภาษาแสลง คำศัพท์ร่วมสมัย หรือการใช้คำพูดสองแง่สองง่าม ควรลดการนำเสนอข่าวที่มีผลกระทบต่อสังคม เช่น ประเด็นเรื่องเพศ ชู้สาว พฤติกรรมในทางลบ ลามก อนาจาร ความรุนแรง การกล่าวหา โต้เถียง หมิ่นประมาท ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หากจำเป็นต้องนำเสนอ ให้ตระหนักในเรื่องพฤติกรรมเลียนแบบ และการสร้างความรับรู้ที่ผิด เข้าใจว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งดีงามและยอมรับได้ในสังคม

 

ผศ.ดร.ชวนะ ภวกานันท์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและการวางแผน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้รายการบันเทิงไทย มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันสูง  โดยเฉพาะการทำการตลาด และการสร้างแบรนด์ให้กับรายการ รายการบันเทิงส่วนใหญ่ จึงมักนำเรื่องที่ประชาชนอยากรู้มานำเสนอ เช่น เรื่องชู้สาว เปลี่ยนแฟนของดารานักแสดงซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนสนใจ ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการมักใช้คำพูดปลุกเร้าความรู้สึกให้ผู้ชมคล้อยตามกับข่าวนั้นๆ  ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไม่ค่อยสุภาพ พูดจาส่อเสียด หรือแม้แต่การวิจารณ์ดารานักแสดงแบบเกินเลย ใส่ความ ว่าคนโน้นคนนี้โกหก ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น  ทั้งนี้ ขอเสนอให้ทางหน่วยงานภาครัฐมีการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ หรือ เรตติ้ง ในรายการบันเทิง เพื่อให้รายการต่างๆ ได้แบ่งระดับการนำเสนอข่าวบันเทิงให้เหมาะสมด้วย

 

นายธิติพร จุติมานันท์  โปรดิวเซอร์รายการไนน์เอนเตอร์เทน  กล่าวว่า ผลสำรวจเป็นภาพสะท้อนที่เป็นประโยชน์ต่อคนในวงการบันเทิง แต่ผลสำรวจบางเรื่องอาจจะคิดคนละมุมกับผู้นำเสนอข่าวบันเทิง ต้องยอมรับว่าปัจจุบันข่าวบันเทิง อาจจะไม่มีประโยชน์ต่อผู้ชมเท่าใดนัก แต่ก็จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ และเรียกเรตติ้งผู้ชมด้วย ซึ่งถ้าเรามานำเสนอแต่ข่าว หรือ ธุรกิจอุตสาหกรรมบันเทิงเพียงอย่างเดียว คนก็อาจจะไม่ชมรายการของเราก็ได้

 

 

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าว สสส.

 

 

Update : 18-06-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code