ผู้บริโภคเข้มแข็ง…ถ้ามี ‘องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค’

ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ ในวันที่โลกของเรากำลังหมุนไปข้างหน้า ชีวิตของเราส่วนใหญ่ถูกผูกอยู่กับการบริโภค ในยุคที่ใครหลายคนจำกัดความว่าเป็นยุคแห่ง “บริโภคนิยม”ในแต่ละวันเราต้องกินต้องใช้เพื่อการดำรงชีวิตเราแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องซื้อสินค้าหรือใช้บริการต่างๆ บางครั้งสินค้าหรือบริการที่เราเลือกก็อาจมีที่ไม่ได้รับความพึงพอใจหรือสร้างปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเราในฐานะผู้บริโภค นั่นจึงนำไปสู่การที่ต้องรู้เท่าทันถึงสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้บริโภคในยุคบริโภคนิยมพึงมีการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้บริโภคในบ้านเราน่าจะพูดได้ว่ายังไม่ค่อยเข้มข้นมากนัก แม้จะมีหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือเมื่อผู้บริโภคเกิดปัญหาจากการใช้สินค้าและบริการต่างๆ


  ผู้บริโภคเข้มแข็ง...ถ้ามี'องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค'


รวมทั้งมีหน่วยงานที่คอยควบคุมดูแลสินค้าและบริการที่อาจเป็นอันตราย แต่เพราะปัญหาของผู้บริโภคมีมากมายหลายด้าน ปัญหาต่างๆ จึงยังคงมีเกิดขึ้นกับผู้บริโภคอยู่เสมอ


พ.ร.บ.องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเข้มแข็งขึ้นในการรู้ถึงสิทธิของตัวเอง การแก้ไขเมื่อได้รับปัญหาจากการใช้สินค้าหรือบริการที่ด้อยคุณภาพ หรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการ กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่อยู่ข้างผู้บริโภค จะคอยสร้างความเป็นธรรมและความเข้าใจให้กับผู้บริโภค เช่น การขอขึ้นค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ องค์การอิสระเพื่อบริโภคจะมีส่วนเข้าไปร่วมพิจารณาโดยคำนึงถึงเหตุผลและความเหมาะสมต่อผู้บริโภคเป็นสำคัญ


แต่ ณ ขณะนี้ พ.ร.บ.องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคยังไม่มีการถูกประกาศใช้จากภาครัฐ ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณา ผู้บริโภคอย่างเราจึงต้องยังคงเฝ้ารออย่างมีความหวังพร้อมร่วมกันส่งแรงใจให้กับเครือข่ายที่ทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคทั่วประเทศที่กำลังต่างร่วมกันลงมือลงแรงเร่งผลักดันให้กฎหมายนี้เป็นจริง


ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารการผลักดันกฎหมายเพื่อผู้บริโภคฉบับนี้ได้ที่ www.consumerthai.org อยากรู้ข้อมูลดีๆ เรื่องผู้บริโภคติดตามและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นิตยสาร “ฉลาดซื้อ” นิตยสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของผู้บริโภค www.ฉลาดซื้อ.com, www.facebook.com/chaladsue และโทร. 02-248-3737 


         


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ โดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

Shares:
QR Code :
QR Code