ผู้ชุมนุมประสบภาวะตึงเครียดสูงถึงร้อยละ17
กรมสุขภาพจิต เผยพบประชาชนไทยถึง 2 ใน 3 ประสบภาวะตึงเครียด โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ชุมนุม จะมีระดับความเครียดสูงกว่าประชาชนนอกพื้นที่ชุมนุมถึงร้อยละ 17
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนั้นส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชนไทย จากการสำรวจความเครียดของประชาชนในพื้นที่ชุมนุมและนอกพื้นที่ชุมนุมทั่วไปโดยกรมสุขภาพจิต ช่วงวันที่ 28 พ.ย.- 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา พบประชาชนไทยถึง 2 ใน 3 ประสบภาวะตึงเครียด โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ชุมนุม จะมีระดับความเครียดสูงกว่าประชาชนนอกพื้นที่ชุมนุมถึงร้อยละ 17
ซึ่งน่าเป็นห่วงและต้องระมัดระวังพิเศษ เพราะความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสถานการณ์การเมืองร่วมกับสิ่งแวดล้อม และสื่อรอบตัวที่มีความเข้มข้นทางอารมณ์สูงตลอดเวลา ความเครียดมีผลกระทบดังนี้ ได้แก่ 1. ร่างกายเปลี่ยนแปลง ได้แก่ นอนไม่หลับ เมื่อยล้า ปวดตึงศีรษะ เหนื่อยง่าย ความเครียดระดับสูงมากยังส่งผลเสียต่อโรคเรื้อรังอีกด้วย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง 2. ผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้ว้าวุ่นใจ หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว ฟุ้งซ่านอารมณ์ขึ้นลงไปกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป จนเกิดภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้าเรื้อรัง และถ้ายิ่งเครียดมาก เครียดนานอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ 3. ผลกระทบต่อสัมพันธภาพและสังคม ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลจนมีโอกาสควบคุมไม่อยู่ จัดการปัญหาสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนที่เห็นต่างไม่ดี จนนำมาสู่การสูญเสียเพื่อนและสัมพันธภาพ อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่าย
สำหรับแนวทางปฏิบัติเพื่อช่วยลดภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นทั้งกับผู้ชุมนุมและผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ให้ความช่วยเหลือ อธิบดีกรมสุขภาพจิตแนะนำให้ พยายามดำเนินรูปแบบการใช้ชีวิตหลักๆได้แก่ กิน อยู่ หลับ นอน ให้ใกล้เคียงปกติเท่าที่จะทำได้ เช่น พยายามหาเวลานอนและกินให้ได้ตรงและตามเวลา รวมทั้ง หาวิธีผ่อนคลายตัวเองหรือจัดการกับความเครียด ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม อาจทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อผ่อนคลายตนเอง อาทิ ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ยืดเส้นยืดสาย ทำกิจกรรมบันเทิงร่วมกัน หรือพูดคุยเรื่องอื่นๆ กันบ้าง หรือหลบไปอยู่ในที่เสียงไม่ดังมากๆ บ้าง รักษาสมดุลชีวิตบ้าง ได้แก่การกลับไปพักผ่อนที่บ้านใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแล้วค่อยกลับมาใหม่ เป็นต้น
ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ให้ความช่วยเหลือ อาจปฏิบัติสิ่งเหล่านี้เพิ่มเติม อาทิ การสร้างกลุ่มทบทวนการปฏิบัติงานหลังจากเสร็จสิ้นไปกับผู้ร่วมงานหรือแบ่ง ปันประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ปฏิบัติงานหรือมีจิตอาสาด้วยกันเพื่อเปลี่ยนมุมมองว่าเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นและสร้างความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า รวมถึง พยายามให้กำลังใจตนเอง ผู้ปฏิบัติงานหรือจิตอาสาอื่นๆ สามารถปรึกษาได้ที่สายด่วน 1323 หน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า