ผุดแอปฯ สอนศัพท์ทางการแพทย์ไทย – พม่า
สสส. จับมือ ม.มหิดล ศึกษาวิจัยและขับเคลื่อนให้ภาษา-วัฒนธรรม เป็นฐานรากของการเสริมสร้างสุขภาวะ พัฒนาสังคมไทย – อาเซียน อยู่ร่วม อยู่รอด บนฐานวัฒนธรรม พร้อมลงนามข้อตกลง “โครงการศูนย์กลางแอปพลิเคชั่นภาครัฐ” จ่อผุดแอปฯ สอนศัพท์ทางการแพทย์ภาษาไทย – พม่า
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเวทีนำเสนอผลงานวิชาการ “อยู่ร่วม อยู่รอด บนฐานวัฒนธรรม” ภายใต้โครงการ “ภาษาและวัฒนธรรมคือพลังเสริมสร้างสุขภาวะ” รวมถึงมีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการศูนย์กลางแอปพลิเคชั่นภาครัฐ” ระหว่าง สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย และ สสส.เพื่อผลิตแอปพลิเคชั่น เสริมสร้างสมรรถนะทางวัฒนธรรมในการบริการทางการแพทย์ข้ามวัฒนธรรม เริ่มต้นคำศัพท์ทางการแพทย์ภาษาไทย – พม่า
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวในการปฐกถานำพลังวัฒนธรรมสร้างสรรค์สังคมสุขภาวะตอนหนึ่งว่า วัฒนธรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยกำหนดทางสังคมที่มีผลอย่างยิ่งต่อการที่คนในสังคมจะมีสุขภาวะดีหรือไม่ดี เพราะวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับเรื่องของค่านิยม ทัศนคติ ความเชื่อ การให้คุณค่า และหลักปฏิบัติของวิถีชีวิตประจำวันในสังคม สสส. จึงให้ความสำคัญกับเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมชุมชนให้เข้มแข็ง เพื่อให้ทุกคนมีขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพของตนเองและชุมชนได้ รวมทั้งให้ความสำคัญกับกลุ่มคนขาดโอกาสทางสังคมที่ควรได้รับการสร้างเสริมสุขภาพผ่านมิติทางวัฒนธรรมที่ละเอียดอ่อน เช่น การพัฒนาให้เป็นนักสื่อสารด้วยภาษาและวัฒนธรรมของพวกเขาเอง ทำให้สังคมมีโอกาสได้รับรู้ปัญหาและผลกระทบจากการพัฒนาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชายขอบเหล่านี้ การส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ ใช้ศิลปวัฒนธรรมชุมชน เป็นกลไกคุ้มครองเด็กด้อยโอกาส สามารถสร้างเด็กเสี่ยงให้เป็นแกนนำพัฒนาชุมชนกว่า 2,500 คน หนุนให้เกิดกลุ่มศิลปินอาสาที่ใช้สื่อศิลปะพื้นบ้านสื่อสารเพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ การสื่อสารเพื่อเยียวยาและลดความเกลียดชังในกลุ่มผู้สูญเสียจากปัญหาความรุนแรงชายแดนใต้ การสื่อสารของชุมชนคนจนเมืองเพื่อการพึ่งพาตนเองใน 50 เมืองใหญ่ และคู่มือการสื่อสารสุขภาพสำหรับบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วยที่เป็นภาษาพม่า มอญ ไทใหญ่ และกัมพูชา เป็นต้น
รศ.ดวงพร คำนูณวัฒน์ หัวหน้าชุดโครงการภาษาและวัฒนธรรมคือพลังเสริมสร้างสุขภาวะ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โครงการภาษาและวัฒนธรรมคือพลังเสริมสร้างสุขภาวะ ใช้ระยะเวลาดำเนินงาน 2 ปี เริ่มเมื่อเดือน มิ.ย. 2555 ประกอบด้วย โครงการวิจัย 7 เรื่อง ได้แก่ 1. โครงการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมอยู่สบายด้วยภูมิปัญญาและวัฒนธรรม 2. โครงการพลังภาษาและวัฒนธรรมในการส่งเสริมและถ่ายทอดภูมิปัญญาอย่างยั่งยืนผ่านชุมชนออนไลน์ : กรณีศึกษากลุ่มจีนฮากกา 3. โครงการฟื้นฟูของกินพื้นบ้านเพื่อความมั่นคงทางอาหารและสืบสานวัฒนธรรมในกลุ่มชาติพันธุ์ 4. โครงการความมั่นคงทางอาหารของประชากรเขตชานเมือง 5. โครงการการจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มคนพลัดถิ่น กรณีศึกษาประเทศมาเลเซีย 6. โครงการผู้นำท้องถิ่นในบทบาทสานความสัมพันธ์ระหว่างไทย – กัมพูชา และ 7. โครงการเสริมสร้างสมรรถนะทางวัฒนธรรมเพื่อสุขภาวะของแรงงานข้ามชาติ ซึ่งทั้ง 7 โครงการ เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มคน 30 กลุ่ม อาทิ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนพลัดถิ่น กลุ่มแรงงานข้ามชาติ กลุ่มคนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน และกลุ่มอื่นๆ โดยครอบคลุม 16 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่สังคมออนไลน์ และยังได้ประสานความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนอันได้แก่ประเทศ กัมพูชา มาเลเซีย และสหภาพเมียนมาร์อีกด้วย
“การประชุมวันนี้ เป็นภาพสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของการใช้ภาษาและวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือสำคัญในการร่วมพัฒนาสังคมไทย และสังคมอาเซียน สู่สังคมสุขภาวะที่มีความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน บนฐานของความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง ผลที่ได้รับจากการดำเนินการวิจัยและประสบการณ์อันทรงคุณค่า อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ ด้วยมิติด้านภาษาและวัฒนธรรมต่อไป”รศ.ดวงพรกล่าว
รศ. ดร. โสภนา ศรีจำปา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย กล่าวว่า สำหรับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการศูนย์กลางแอปพลิเคชั่นภาครัฐ” เพื่อผลิตแอปพลิเคชั่น สมรรถนะทางวัฒนธรรมเพื่อสุขภาวะของแรงงานข้ามชาติ ให้บุคลากรทางการแพทย์ และแรงงานข้ามชาติ พม่า/มอญ โดยรวบรวมคำศัพท์ภาษาไทย อังกฤษ และพม่าที่เกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์เบื้องต้น โดยจะมีการจัดทำไฟล์เสียงของคำศัพท์เป็นภาษาพม่า ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะทำให้เกิดทัศนคติที่ดี เสริมทักษะการใช้ล่าม และสร้างองค์ความรู้ต้นแบบด้านการจัดการสุขภาวะแรงงานข้ามชาติ
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข