ป้องกันเบาหวานแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน

ที่มา : เว็บไซต์ประชาชาติ


โรคเบาหวานนอกจากจะเป็นโรคเรื้อรังที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ยากแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ผู้ป่วยควรดูแลตนเองให้ดี และป้องกันการเกิดบาดแผลในส่วนต่างๆ ของร่างกาย


ป้องกันเบาหวานแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน thaihealth


นพ.หลักชัย วิชชาวุธ แพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ให้ข้อมูลว่า ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 – 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และมีการสำรวจสุขภาพคนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป เมื่อปี 2557 พบว่าโรคเบาหวานรายใหม่ เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 8.8 (คิดเป็น 4.8 ล้านคน)


ผู้ป่วยเบาหวาน เราให้ความสำคัญในเรื่องอาหารการกินในแต่ละมื้อ แต่ละวันแล้ว สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือไม่ให้เกิดแผลเล็กๆ น้อยๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน ที่อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อและทำให้เกิดการลุกลามจนเป็นแผลใหญ่ที่ยากต่อการรักษา หากเกิดแผลในผู้ป่วยเบาหวานแล้ว การดูแลแผลของผู้ป่วยจะต้องเน้นในเรื่องของความสะอาด มากกว่าคนปกติทั่วไป 


โรคเบาหวาน เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เกิดขึ้นจากผิดปกติของเซลล์ร่างกายที่ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานได้ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติบุคคลทั่วไปจะมีระดับน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหารมาแล้ว 6 ชั่วโมง ไม่เกิน 126 มก./ดล. ซึ่งหากสูงกว่านี้คุณมีโอกาสที่จะเป็นโรคเบาหวานได้


ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวาน คือ 1.การมีภาวะอ้วน หรือน้ำหนักที่มากกว่าปกติ 2.กรรมพันธุ์ 3.อายุ ถ้าอายุมากขึ้นทำให้มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้ 4.ความดันโลหิตสูง 5.การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ จำพวกน้ำตาล แป้ง และไขมันมากเกินไป 6.ขาดการออกกำลังกาย


สังเกตอาการเบื้องต้นของโรคเบาหวาน คือ ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน และกลางคืน กระหายน้ำมากกว่าปกติ น้ำหนักลดลง รู้สึกอ่อนเพลียง่าย มีอาการชาที่ปลายมือและปลายเท้า และถ้ามีอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อทำการรักษา โรคเบาหวานนอกจากจะเป็นโรคเรื้อรังที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ยากแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรดูแลตนเองให้ดี และป้องกันการเกิดบาดแผลในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะเมื่อเป็นแล้วแผลจะหายช้ากว่าปกติ ซึ่งแผลอาจเกิดอาการแทรกซ้อน และนำไปสู่การติดเชื้อและลุกลามจนทำให้เนื้อเยื้อตาย และต้องตัดทิ้งได้


ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเบาหวานเกิดเป็นแผล ควรจะทำความสะอาดแผลด้วยสบู่ โดยใช้น้ำอุ่น หรือน้ำเกลือ และทำความสะอาดรอบๆบาดแผลด้วยความเบามือ ไม่ควรล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ เพราะมีฤทธิ์ในการทำลายโปรตีนในเนื้อเยื้อได้ จากนั้นเช็ดให้แห้ง ใส่ยาทำแผล และปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลสะอาดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ไม่ควรใช้พลาสเตอร์ปิดแผลโดยตรง และควรทำความสะอาดแผลอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ซึ่งหากมีแผลมีอาการแดง หรือบวมขึ้นหลังจากทำแผล ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา


การป้องกันการเกิดแผลของผู้ป่วยเบาหวาน ระมัดระวังไม่ให้เกิดแผลตามส่วนต่างๆ ควรใส่ถุงเท้าและรองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน เพื่อป้องกันการเดินเหยียบหรือเตะสิ่งของ ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลได้


เมื่อเวลาจะใส่รองเท้า ควรเคาะรองเท้าก่อนใส่ เพื่อป้องกันเศษต่างๆในรองเท้า ที่ทำให้เกิดแผลโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานจะมีอาการมือเท้าชา ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกเจ็บหากเหยียบ หรือเกิดแผล


การตัดเล็บ ควรตัดเล็บในแนวเส้นตรง ไม่ควรตัวเล็บตามความโค้งของเล็บ เพื่อป้องกันการตัดเข้าโดนเนื้อซึ่งอาจทำให้เกิดแผลได้


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code