ป้องกันร้านเหล้า กระตุ้นนักดื่มหน้าใหม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์มติชน
เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สคล. และเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา จัดเวทีเสวนา “ตีแผ่กลยุทธ์ธุรกิจสุรา ปั้นนักดื่มหน้าใหม่”
วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ณ โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ น.ส.เบญจพร บัวสำลี อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวในเวทีเสวนา “ตีแผ่กลยุทธ์ธุรกิจสุรา ปั้นนักดื่มหน้าใหม่” จัดโดยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (Alcohol Watch) ว่า จากงานวิจัยล่าสุดปี 2559 เรื่อง “กลยุทธ์ร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัยในการกระตุ้นอุปสงค์ของนักศึกษา” โดยสำรวจกลุ่มนักศึกษา ผู้ประกอบการ ตำรวจ และคนในชุมชน รอบรั้ว 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยรังสิต และเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
น.ส.เบญจพรกล่าวอีกว่า ร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยต่างนิยมใช้ 5 กลยุทธ์หลักๆ ได้แก่ 1.การโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านสื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ 2.การส่งเสริมการขาย เช่น ลดแลกแจกแถม 3.การประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี 4.การใช้พนักงานขายทำหน้าที่แนะนำ หรือบริการแบบซึ่งหน้า 5.ส่งเสริมการตลาดโดยใช้กิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นความต้องการให้อยากดื่ม ซึ่งเป็นผลให้นักศึกษามีทัศนคติเชิงบวกต่อร้านเหล้า
“ที่น่าห่วงคือผลวิจัยยังพบนักศึกษาที่เข้าไปใช้บริการในร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย จะมีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงถึงร้อยละ 94.2 เนื่องจากเห็นว่าร้านเหล้ามีผลต่อการกระตุ้นให้อยากดื่มและตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ง่ายต่อการเดินทาง ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากเท่ากับการไปใช้บริการร้านเหล้าที่ตั้งอยู่ไกลๆ อีกทั้งส่งผลให้เกิดการกลับไปใช้บริการซ้ำอีก โดยส่วนใหญ่เห็นว่าร้านดังกล่าวเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง นอกจากนี้ผลวิจัยยังระบุว่าหากไม่มีร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยนักศึกษาจะเข้าใช้บริการร้านเหล้าลดลงเกือบครึ่งหรือร้อยละ 41.6” น.ส.เบญจพรกล่าว
ผศ.นิษฐา หรุ่นเกษม สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร กล่าวว่า เล่ห์เหลี่ยมธุรกิจสุราที่พบโดยการมอนิเตอร์หน้าสกรีนต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ การแปลงโฆษณาให้เป็น “ข่าวสาร” โดยใช้คนธรรมดามารีวิวสินค้าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กและแฝงโฆษณาสินค้าในเพจดัง ซึ่งเป็นเนื้อหาการสื่อสารที่มีพลังประเภทหนึ่งที่ทำให้เกิดการสื่อสารแบบปากต่อปาก และการเชื่อมต่อทางอารมณ์กับข้อมูลจากการรีวิวสินค้าที่ได้รับ เหมือนเพื่อนบอกต่อเพื่อน นอกจากนี้ยังใช้วิธีการเปิดเวทีสู้ลวงข้อมูลกับผู้ค้า โดยบอกผู้ค้า ซึ่งเป็นผู้ที่จะผลักสินค้าแอลกอฮอล์ให้ไปสู่ผู้บริโภค เป็นการโฆษณาแต่อ้างว่าไม่ได้โฆษณา ไม่ได้เชิญชวน ไม่ได้อวดอ้าง สามารถทำได้ และวิธีการสุดท้ายคือทำให้เกิดความสงสัย สร้างความสับสนว่านี่คือโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือโฆษณาน้ำเปล่า
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ปัญหาที่เยาวชนเรียกร้องมาตลอด 8 ปี ยังไม่สะเด็ดน้ำ มาตรการที่จะมาควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ยังไม่เสร็จสิ้น ทำให้ปัญหาวนกลับมาที่เดิม ในแต่ละจังหวัดที่ต้องกำหนดรัศมีห้ามขายเหล้าเบียร์ก็ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร โดยเฉพาะกรุงเทพฯยิ่งไม่เห็นความคืบหน้า เครือข่ายเยาวชนฯขอทวงถามภาครัฐ ถึงความคืบหน้าและความชัดเจนการออกประกาศมาตรการโซนนิ่งในแต่ละมหาวิทยาลัยว่าไปถึงไหนแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจจริง จับจริงมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะร้านที่ทำผิดกฎหมาย ไม่อยากให้ทำเหมือนไฟไหม้ฟาง ซึ่งตอนนี้ก็เลยเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำหนดสิ้นสุดไว้แล้ว คงไม่ต้องรอให้นักศึกษาเจ็บตายกันอีก