ปิดเทอมใหญ่ระวังเด็กจมน้ำ

ที่มา :  เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์


ปิดเทอมใหญ่ระวังเด็กจมน้ำ  thaihealth


แฟ้มภาพ


เด็กจมน้ำเสียชีวิต เหตุสลดที่มักเกิดขึ้นให้เห็นทุกปีในช่วงปิดเทอมใหญ่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กอายุต่ำกว่า15ปีเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ1


ทุกปีช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.นับเป็นเวลาแห่งความสุขของเด็กทั้งประเทศ เพราะคือการหยุดพักผ่อนของการปิดเทอมใหญ่หรือปิดภาคเรียนการศึกษา แต่อันตรายจากการปิดเทอมที่แฝงมากับเด็กคือ ปัญหาการ “จมน้ำเสียชีวิต” ยิ่งพื้นที่ต่างจังหวัดเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้ง แม้ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือน มี.ค.ของทุกปีเป็นวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่ง มากกว่าโรคติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ


อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ภาวะปัญหาเด็กจมน้ำเป็นปัญหาของเด็กเยาวชนไทย ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปี ถือว่ามีตัวเลขการเสียชีวิตจากการจมน้ำสูงที่สุด ที่สำคัญจุดเกิดเหตุมักพบอยู่ในบริเวณตามแหล่งน้ำธรรมชาติ มากกว่าตามสระน้ำต่างๆ เช่น แหล่งน้ำตามการเกษตร เป็นต้น นับว่าเป็นจุดเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตมากที่สุด ฉะนั้นเด็กไม่ควรแอบไปเล่นน้ำ


“ส่วนในพื้นที่ที่พบว่ามีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำส่วนใหญ่พบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาเป็นภาคใต้ ส่วนใหญ่กรณีปัญหาจมน้ำเป็นลักษณะเด็กชวนกันแอบไปเล่นน้ำ หรือไปเล่นน้ำตามแหล่งที่นอกเหนือจากการควบคุมของผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ดังนั้นผู้ปกครองต้องช่วยกันตรวจตราคอยเตือนบุตรหลานของตัวเองอยู่เสมอ ที่สำคัญช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อน เด็กกับน้ำมักเป็นของคู่กัน” อัษฎางค์ ระบุ


รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล อบต.ที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ต้องพยายามควบคุมพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้ เช่น การหาเครื่องมือมาป้องกัน อุปกรณ์ในการช่วยชีวิตเมื่อเกิดเหตุ อาทิ ถังน้ำ ไม้ยาว เชือก ฯลฯ ยื่นให้คนตกน้ำจะเป็นตัวช่วยให้คนบนฝั่งช่วยเหลือผู้อยู่ในน้ำได้ ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก


ถัดมาขอให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญต่อเรื่องการว่ายน้ำเอง ให้มีพื้นฐานการเอาตัวรอดขณะตกน้ำ ดังนั้นหากผู้ปกครองสามารถที่จะให้บุตรหลานฝึกว่ายน้ำต้องช่วยกันรณรงค์ให้เกิดการฝึก จะเป็นตัวช่วยอย่างดีหากเกิดเหตุการณ์จมน้ำขึ้น


“เมื่อพบเห็นคนที่จมน้ำ วิธีการช่วยคือ การตะโกน โยน ยื่น ในกรณีที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่เผอิญเจอเหตุ โดยการโยนสิ่งของไปเพื่อให้ผู้อยู่ในน้ำลอยเกาะได้ ส่วนการยื่น เช่น ยื่นไม้ที่ยาว สามารถนำตัวเข้าสู่ชายฝั่งได้ สุดท้ายถ้าหากช่วยเหลือผู้จมน้ำขึ้นมาบนฝั่งได้แล้วควรนำไปพลาดบ่ากระแทกให้น้ำออกจากช่องท้อง และรีบโทรไปที่หมายเลข 1669 ทันที” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะวิธีช่วยเหลือ


อัษฎางค์ กล่าวว่า เป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ ลดปัญหาเด็กจมน้ำเสียชีวิตในช่วงปิดเทอมการศึกษาให้เป็นศูนย์ ตัวเลขสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอัตราตัวเลขการเสียชีวิตของเด็กลดลงกว่า 50% ถึงแม้ว่าจะลดลงจำนวนดังกล่าว แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่หลักร้อยอยู่ จึงตั้งเป้าหมายให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมมือกันให้เป็นศูนย์ลดความสูญเสียให้ได้ ถือว่าเด็กเหล่านั้นคือบุตรหลานของเราทุกคนและไม่ต้องการเห็นภาพการเสียชีวิตจากการจมน้ำในช่วงปิดเทอมใหญ่ แม้อาจลดเป็นศูนย์ไม่ได้โดยเร็วแต่ก็พยายามรณรงค์อย่างเต็มที่


การอบรมให้ความรู้ ในการช่วยเหลือตนเอง และผู้อื่นในกรณีอุบัติเหตุทางน้ำแก่เด็กๆที่ จ.สุรินทร์


ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า ทาง สพฉ.ดูแลงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุทุกอย่างครอบคลุมถึงเรื่องปัญหาเด็กจมน้ำ ทาง สพฉ.มีมาตรการป้องกันในกระบวนการวิธีการ เช่น สพฉ.จัดฝึกอบรมเรื่องของการลอยตัวในน้ำ มีศูนย์วิชาการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ออกไปสอนให้คำแนะนำในกลุ่มต่างๆ เช่น นักเรียน โรงเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ ผ่านการทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่าย อาทิ ชมรมกู้ชีพทางน้ำประเทศไทย กรมควบคุมโรคท้องถิ่น มูลนิธิ ฯลฯ จะเป็นภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันเด็กจมน้ำเสียชีวิต


โดยกิจกรรมความร่วมมือนี้ สพฉ.เริ่มต้นทำมาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรการกู้ชีพทางน้ำ โดยเฉพาะการช่วยชีวิต มีการอบรมแพทย์ พยาบาล และบุคลากร เพื่อตอบสนองช่วยชีวิตผู้ป่วยจากการจมน้ำ วิชาเหล่านี้ยังขยายผลไปถึงกลุ่มเด็กให้มีทักษะการลอยตัวในน้ำได้ รวมถึงการขอความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ


เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า ความพร้อมต่อเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นภายใต้หมายเลขสายด่วน 1669 มีเครือข่ายบริการประชาชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันมีศูนย์รับแจ้งเหตุ 80 ศูนย์ หน่วยฉุกเฉินพร้อมบริการ 8,500 หน่วยทั่วประเทศ ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดต้องเน้นเรื่องการป้องกันให้ความรู้เด็ก ช่วยเหลือตัวเองได้ขณะเกิดเหตุ ขอฝากถึงผู้ปกครองในช่วงปิดภาคเรียนนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอาจไม่น่าห่วง เพราะมีแหล่งน้ำธรรมชาติน้อย ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดมีความน่าห่วงมากกว่า เนื่องจากมีบ่อน้ำชุมชน เด็กอาจชวนกันไปเล่น ดังนั้นผู้ปกครองต้องให้คำชี้แนะลูกหลาน หรือมีผู้ใหญ่ไปดูแลความปลอดภัยด้วย


 “สิ่งที่น่าห่วง คือเมื่อเวลาเกิดเหตุประชาชนอาจตื่นตระหนก ขาดสติ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้ายากลำบาก หรือลืมโทรเรียกให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ สพฉ.เราเป็นห่วงประชาชนในส่วนนี้มาก อีกประเด็นสำคัญประชาชนไม่ทราบเบอร์สายด่วน ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนนึกถึงหมายเลข 1669 ไว้เสมอ ไม่ว่าจะเหตุทางน้ำ เหตุใดก็แล้วแต่สามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทันที โทรฟรีและไม่มีค่าใช้จ่าย” ร.อ.นพ.อัจฉริยะ กล่าว


เลขาธิการ สพฉ. ย้ำว่า สำหรับความพร้อมของ สพฉ.นั้น มีความพร้อมให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถโทรไปยังเบอร์สายด่วน 1669 ได้ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความพร้อมบริการของเจ้าหน้าที่

Shares:
QR Code :
QR Code