ปั้นเกษตรกรรุ่นใหม่

 

ฝึกอบรมเกษตรกรและผู้สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรที่ผ่านมา โดยส.ป.ก. เน้นให้ผู้อบรมมีความรู้และทักษะในอาชีพเกษตรกรรม

ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวถึง โครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ซึ่งส.ป.ก.ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)  ฝึกอบรมเกษตรกรและผู้สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรที่ผ่านมา

โดยส.ป.ก. เน้นให้ผู้อบรมมีความรู้และทักษะในอาชีพเกษตรกรรม ตลอดจนพัฒนาแนวคิดและวิเคราะห์ปัญหาเพื่อการแก้ไขและปรับปรุงกระบวนการผลิต ด้วยการใช้ข้อมูลด้านการเกษตร ข่าวสารความรู้รอบตัว เพื่อนำมาวางแผนการผลิต การบริหารจัดการที่ดี สอดคล้องความต้องการของตลาด เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเกี่ยวกับสินเชื่อ / กองทุน ที่สนับสนุนเงินกู้ยืมให้นักศึกษาจากสถาบันการศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษาที่สำเร็จการศึกษาไม่เกิน 5 ปี เงินทุนนี้จะเป็นทุนหมุนเวียนในครัวเรือนเพื่อประกอบวิชาชีพ  รวมถึงนโยบาย “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” (smart farmer) หรือเกษตรกรปราดเปรื่อง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เพื่อปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ยกระดับภาคการเกษตรไทย เกษตรกรปราดเปรื่อง

“คนที่มีความรวดเร็วเปรื่องปราชญ์คือ คนที่คิดดีทำเป็น รู้จักวางแผน มีความรู้ในการประกอบอาชีพของตัวเองอย่างดี แก้ปัญหาได้ รวมถึงการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ต่อไปเกษตรกรจะรู้จักการใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจและรู้จักใช้เทคโนโลยี เพื่อลดปัญหาแรงงาน นอกจากนี้ ยังผลิตสินค้าที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งพัฒนาชุมชน พัฒนาตนเอง เพราะคนที่มีคุณภาพจะเข้าใจงานที่ทำ ปัญหาทุกอย่างก็สามารถแก้ไขและบริหารจัดการได้ดี”ดร.วีระชัยกล่าว

นอกจากนี้ ดร.วีระชัยกล่าวต่อว่า ส.ป.ก.จัดอบรมให้เกษตรกรรุ่นใหม่ มีความรู้ในการจัดทำแผนธุรกิจ เพื่อนำไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพราะการผลิตสินค้าเกษตรของเกษตรกรรุ่นใหม่ เน้นไม่ใช้สารเคมี มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และนำไปขอรับรองมาตรฐานได้ หากสินค้าใดที่มีศักยภาพในการแปรรูปและมีช่องทางการจัดจำหน่าย เกษตรกรสามารถจัดทำแผนธุรกิจเพื่อขอสินเชื่อจากกองทุนที่ตั้งขึ้น หรือ ธ.ก.ส. เพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะเสริมสร้างให้เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถขยายศักยภาพตัวเองไปสู่การผลิตเชิงการตลาดที่มีประสิทธิภาพ หากผลผลิตของเกษตรกรส่งออกได้ก็จะขยายธุรกิจได้ หรือรวมตัวเป็นตลาดเสรีการค้าอาเซียน  เกษตรกรจะเรียนรู้และปรับตัวเข้าสู่ระบบเขตการค้าที่มั่นคง และในอนาคตอันใกล้ เกษตรกรจะลดน้อยลงและมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นคือ มากกว่า 55 ปี ซึ่งมีผู้สนใจเรียนด้านเกษตรกรรมและวิชาที่เกี่ยวข้องน้อยลง จนเกิดการสูญเปล่าทั้งทรัพยากรบุคคลและงบประมาณสนับสนุนการศึกษาของประเทศ

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code