ปลดพันธนาการซึมเศร้า สร้างชีวิตให้ชุมชนเป็นสุข
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนที่ได้รับผลกระทบเกิดความเครียด มีภาวะซึมเศร้า ซึ่งหน่วยงานในชุมชน ถือเป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้คนเหล่านั้นกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ดังตัวอย่างที่ บ้านห้วย หมู่ 6 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ซึ่งหลังจาก มีการสำรวจสภาวะอารมณ์ของคนในหมู่บ้าน จึงพบว่ามีคนที่มีความเสี่ยงจะฆ่าตัวตาย เลยเกิดกิจกรรมที่จะช่วยเหลือ ให้กลุ่มคนเหล่านี้ผ่อนคลายจากสภาวะทางอารมณ์ ควบคู่กับการดูแลด้านสุขอนามัยที่ถูกต้อง
"อยากตาย" คือคำตอบที่ชาวบ้านบางคน ที่บ้านห้วย หมู่ 6 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ปริปากออกมา เมื่อทีมผู้ใหญ่บ้านมาเยี่ยมเยียน ถามหาสารทุกข์สุกดิบ
สายชล สิงห์ตา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เมื่อได้ยินลูกบ้านเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทำให้ต้องกลับมาคิดมองปัญหาและหาแนวทางแก้ไข โดยได้ทำโครงการ "สร้างเสริมสุขภาพจิต พิชิตความเศร้า" เพื่อดำเนินกิจกรรมแก้ปัญหาลดความเครียด ภาวะซึมเศร้าให้กับลูกบ้าน และขอรับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โดยผู้ใหญ่สายชล ได้ร่วมกับทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มเสี่ยง โดยใช้แบบประเมินความสุขเบื้องต้นของกรมสุขภาพจิต จึงพบว่าในหมู่บ้านมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงจำนวน 3 ราย เพราะคำตอบที่ได้ คือ อยากตาย เบื่อ ไม่มีความสุข ส่วนอีก 15 ราย ยังไม่ถึงขั้นซึมเศร้า แต่มีอาการวิตกกังวลจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ความดัน
เหตุผลที่ได้รับฟังจากกลุ่มเสี่ยง มักจะบอกว่า ไม่มีความสุข เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี บางคนอยู่กัน 4-5 คน ถามคนในครอบครัว คำตอบไม่เหมือนกัน แม่บอกรักลูก แต่ลูกกลับไม่มีความสัมพันธ์กับแม่
บางรายก็มีปัญหาลูกติดยาเสพติด จนอยู่บ้านไม่ได้ เพราะลูกรังควาน ขณะเดียวกันหนี้สินก็เป็นปัญหาหลักของทุกครอบครัว ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ จนเกิดเป็นความเครียดที่ใช้ชีวิตไม่ปกติสุข
เมื่อทุกคนเต็มไปด้วยความเครียด วัน ๆ เอาแต่เก็บตัวหมกมุ่นอยู่กับปัญหาในบ้าน จนไม่ออกไปไหนมาไหน เพราะการพูดการคุย และปฏิสัมพันธ์ของคนในชุมชนอาจจะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดลงไปได้บ้าง แกนนำชุมชนจึงสร้างกิจกรรม ต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น
ผู้ใหญ่สายชล เล่าว่า มีการดึงคนในชุมชนเข้ามาร่วม หากิจกรรมทำในช่วงวันหยุด เช่น กวนกระยาสารท ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ หรือปราชญ์ชาวบ้านได้ใช้ภูมิปัญญาที่มีถ่ายทอดให้กับคนในชุมชน นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะกลางหมู่บ้าน ก็ช่วยกันพัฒนาขึ้นใหม่ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ พาลูกหลานมาเล่น มาออกกำลังกาย ส่วนหนึ่งมีพื้นที่แปลงผัก ก็ชวนคนมาช่วยกันปลูกผัก ใครมาที่สวนก็มาช่วยดูแลรดน้ำ จะเก็บไปกินก็ได้
จากการเริ่มดำเนินการ ชาวชุมชนเริ่มมีรอยยิ้มมากขึ้นช่วงเย็นของทุกวันก็พาลูกหลานมาวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะ หลายคนกล้าออกมาจากบ้าน ทิ้งความทุกข์ไว้ที่บ้านแล้วมามีความสุขที่นอกบ้าน ส่วน 3 รายที่ป่วยซึมเศร้ารุนแรง ก็มีอาการดีขึ้น ได้รับยากินปกติ โดยมีลูกหลานเข้าใจมากขึ้น และดูแลอย่างใกล้ชิด
ด้าน มยุรี อินเถื่อน ชาวบ้านห้วย อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงโครงการ "สร้างเสริมสุขภาพจิต พิชิตความเศร้า" บอกว่า ความเครียดจากหนี้สินเป็นสาเหตุหลัก ๆ เพราะชาวบ้านห้วย ก็มีหนี้สินไม่น้อยกว่าครัวเรือนละ 15,000 บาท ยิ่งคนไหนทำอาชีพเกษตร จะมีหนี้มากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อเกิดภัยแล้ง น้ำท่วม ผลผลิตไม่ได้ดั่งที่หวัง ก็ไม่มีเงินไปใช้หนี้ พอจะทำรอบใหม่ก็ต้องกู้มาอีกทั้งที่ของเดิมก็ยังไม่ได้คืน หนี้ก็เพิ่มพูน จนเกิดความเครียด
เราไม่รู้หรอกว่าที่เขาเครียดนั้น มันเครียดอยู่ในระดับไหน ดังนั้นโครงการสร้างเสริมสุขภาพจิต พิชิตความเศร้า มีเป้าหมาย คือ อยากให้ชุมชนจัดการปัญหาของตัวเองได้ หาทางออกได้ด้วยคนในชุมชนและครอบครัว โดยใช้วิธีการพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน พอให้ผ่อนคลายความเครียด มีคนพูด มีคนฟัง ก็จะช่วยได้บ้าง
"ซึมเศร้า" แม้ในทางการแพทย์ถือเป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้ เพียงลดคลายความเครียด ความกังวลใจ รวมถึงการปล่อยวางความทุกข์ไว้ อาการก็จะดีขึ้น และที่สำคัญคือกำลังใจคนรอบข้างและคนในสังคม หนักก็จะกลายเป็นเบา "เราไม่รู้หรอกว่าที่เขาเครียด มันเครียดอยู่ในระดับไหน"