‘ประเวศ’แจงปฏิรูป:ปรองดองอย่าสับสนคนละกระบวนการ
เน้น 10 เรื่องเร่งทำ
นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ เขียนบทความหัวข้อปฏิรูปกับปรองดองเป็นคนละเรื่องว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีความสับสนเกี่ยวกับปรองดองและปฏิรูป โดยที่คิดว่าอยู่ในเรื่องเดียวกัน การปรองดองกับการปฏิรูปเป็นคนละกระบวนการกัน การปฏิรูปไม่ได้ทำเรื่องปรองดอง แต่ถ้าปฏิรูปแล้วเกิดความเป็นธรรมก็เกิดการปรองดองตามมาเอง ส่วนการปฏิรูปที่คิดว่าใครเป็นเหยื่อใครนั้นถ้าได้เข้าใจความเป็นมาและที่จะเป็นไป ก็คงจะลดความสับสนลงได้บ้าง
อาทิ (1) การปฏิรูประบบสุขภาพดำเนินมาเกือบ 20 ปี ทำได้ยากมากเพราะปัญหาเชิงระบบ จึงคิดถึงการปฏิรูประบบสุขภาพ จึงมีองค์กรใหม่ๆ ขึ้นมาสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ซึ่งมีภารกิจในการขับเคลื่อนให้เกิดนโยบายที่ดี (2) สุขภาพนั้นเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนและสังคมทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องมดหมอหยูกยาเท่านั้น เช่น ถ้าแก้ความยากจนและความอยุติธรรมในสังคมไม่ได้สังคมจะเกิดสุขภาวะได้อย่างไร ถ้าสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ระบบการเกษตรไม่ดี ระบบการศึกษาไม่ดี (3) ปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย 10 เรื่อง ในสภาวะที่เรียกว่า วิกฤตสุดสุดนั้น คนไทยกลุ่มหนึ่งได้ คาดการณ์ว่าสภาวะวิกฤตน่าจะดำเนินไปถึงจุดที่ไม่มีทางออก นอกจากปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย หรือปฏิรูปทุกเรื่องเพราะปฏิรูปเรื่องใดเรื่องหนึ่งเรื่องเดียว เช่น การปฏิรูปการเมือง คงจะไม่สำเร็จ จึงจัดให้มีการประชุมเรื่องปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย ทุก2 สัปดาห์ เป็นเวลาปีครึ่งมาแล้ว โดยพิจารณาใน10 เรื่องด้วยกัน คือ
(1) สร้างจิตสำนึกใหม่ (2)สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ (3) สร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น (4) สร้างระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤต (5) ธรรมาภิบาลทางการเมืองการปกครองระบบความยุติธรรมและสันติภาพ (6) ระบบสวัสดิการสังคมที่ถ้วนหน้า(7) ดุลยภาพเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อม (8)ปฏิรูประบบสุขภาพ (9) วิจัยยุทธศาสตร์ชาติ(10) สร้างระบบการสื่อสารที่ดีที่ผสานการพัฒนาทั้งหมด เรื่องเหล่านี้ยากๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่ช่วยกันทำแล้วใครจะทำ ฝ่ายการเมืองเขาคงทำไม่ได้ แต่ยามใดที่มีวิกฤตการณ์ทางการเมืองหน้าต่างแห่งโอกาสจะเปิดให้ทำเรื่องยากๆ ยามที่ฝ่ายการเมืองเข้มแข็งเขามักจะไม่สนองตอบต่อข้อเรียกร้องใดๆ จากภาคสังคม ยามเขาอ่อนแอเขาจะสนองตอบ เพราะฉะนั้นการปฏิรูปประเทศไทยไม่ใช่ความริเริ่มของฝ่ายการเมือง แต่เป็นการสนองตอบความริเริ่มที่ดำเนินการอยู่แล้วในสังคม และก็เป็นโอกาสที่ภาคสังคมจะขับเคลื่อนการปฏิรูป
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
Update:22-06-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่