ประกาศรับสถานประกอบการร่วมโครงการปลอดบุหรี่
ถึง 31 ธ.ค.นี้
จะพูดกี่แสนกี่ล้านครั้งว่าบุหรี่เป็นอันตรายแก่ร่างกายตัวเองและคนอื่นมือหนึ่งคือตัวเอง มือสองคือคนอื่นตั้งแต่ลูกเมียไปจนถึงคนที่อยู่ในรัศมีสูดควันบุหรี่เข้าไปได้ คนสูบที่โฆษณา ออกสื่อย้ำนักหนาว่าทำร้ายคนอื่นจะสวนกลับว่ารู้เข้าใจ
แล้วก็บอกกลับว่าลงทุนมาเยอะแล้วจะเลิกง่ายๆ ได้ยังไงเอากะเค้าซี
ยังรู้อยู่เต็มอกด้วยซ้ำไปว่าอันตรายที่เกิดกับตัวและคนอื่นด้วยนั้นไม่ใช่แค่ตัวเองเดือดร้อนคนเดียวจบ เมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บเช่นถุงลมโป่งพองครอบครัวเดือดร้อนเสียเงิน เสียเวลาทำมาหากินแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดก่อความเดือดร้อนความทุกข์
ค่าบุหรี่วันละอย่างน้อย 60 บาทเป็นค่ากับข้าวให้ครอบครัวสบายๆ แต่คนสูบบุหรี่เอาไปเสพสุขซะคนเดียว ร้ายจริงๆ
แล้วโรงงานผลิต ร้านขายบุหรี่ เล่าจะมิร้ายไปด้วยหรือ แน่นอนร้ายสุดๆ
เอ้า…มาอ่านความจริงเชิงวิชาการกันนิดหนึ่ง ประเดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนด้นไปด้วยใจอคติ
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่รุนแรงถึงชีวิต และทำให้ผู้สูบเกิดความพิการตลอดชีวิตได้
กลุ่มประชากรที่สูบบุหรี่เหล่านี้นอกจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเนื่องมาจากการสูบบุหรี่แล้ว ยังปลดปล่อยควันบุหรี่มือสอง (Passive Smoking) ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่รอบข้าง
โดยเฉพาะในสถานที่ทำงานหรือสถานประกอบการ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีพนักงานปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นเวลายาวนานในแต่ละสัปดาห์ ที่สำคัญการปล่อยให้พนักงานสูบบุหรี่ในที่ทำงานของสถานประกอบการโดยไม่มีมาตรการควบคุม ยังสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการเกิดอัคคีภัย แม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะมีกฎหมายในการควบคุมการบริโภคยาสูบที่ดีแล้วก็ตาม ก็ยังพบว่ามีสถานประกอบการเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่มีการจัดการหรือควบคุมการสูบบุหรี่ หรือจัดสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้ปลอดภัยจากควันบุหรี่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเจ้าของกิจการไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพ/สุขภาวะในสถานที่ทำงานมองเห็นว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนการสร้างเสริมสุขภาพในที่ทำงานนั้นต้องใช้งบประมาณซึ่งหน่วยงานมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการดำเนินการด้านควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานประกอบการ (สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 2552)
สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม(ส.พ.ส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกันจัดทำ “โครงการพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่” ขึ้น เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการควบคุมการสูบบุหรี่ในสถานประกอบการ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างแรงจูงใจให้สถานประกอบการหันมาให้ความสำคัญการควบคุมการสูบบุหรี่ และเสริมสร้างศักยภาพของสถานประกอบการในการวางแผนและดำเนินการควบคุมการสูบบุหรี่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยมีสถานประกอบการเป็นผู้ดำเนินการสมาคมฯ ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนรวมทั้งช่วยเผยแพร่ผลงานให้เป็นแบบอย่างของสถานประกอบการอื่น
จากข้อมูลเบื้องต้นสองหน่วยงานข้างต้นที่จัดทำโครงการจะให้ความสะดวกหรือสิทธิประโยชน์แก่สถานประกอบการที่เสนอตัวเข้าร่วม แล้วยังคาดหวังว่าจะมีสถานประกอบการเข้าร่วมในเบื้องต้นนี้ถึง 100 แห่งในหนึ่งร้อยแห่งนี้จะสร้างประโยชน์แก่สังคมมหาศาลตั้งแต่ตัวผู้สูบคนรอบข้าง กระทั่งภาพพจน์ของสถานประกอบการนั้นๆ ที่จะกลายเป็นสถานที่ปลอดไปจากมูลภาวะที่เป็นอันตรายต่อสรรพสิ่ง
สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 52 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.smokefree enterprise.org
เริ่มต้นจากหนึ่งร้อยสถานประกอบการที่จะเป็นต้นแบบให้อีกแสนๆ ล้านๆสถานประกอบการเอาตาม ไม่นานสถานประกอบการทั่วประเทศจะปลอดบุหรี่และควัน ทำให้สังคมไทยปลอดอันตรายแก่ตัวและทรัพย์สินประชาชนได้ในไม่ช้าแน่นอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update 24-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์