ปภ. รายงานยังมีสถานการณ์อุทกภัยใน 7 จังหวัดภาคใต้
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้รวม 7 จังหวัด 63 อำเภอ 316 ตำบล 2,763 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 310,406 ครัวเรือน 979,665 คน ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา และกระบี่ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัย วันที่ 28 มีนาคม 2554 ว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้รวม 7 จังหวัด 63 อำเภอ 316 ตำบล 2,763 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 310,406 ครัวเรือน 979,665 คน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ดังนี้
นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 22 อำเภอ 143 ตำบล 1,152 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 63,292 ครัวเรือน 202,715 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 114,824 ไร่ ถนนเสียหาย 665 สาย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ลานสกา ร่อนพิบูลย์ พระพรหม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร จุฬาภรณ์ ชะอวด ขนอม สิชล นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา ถ้ำพรรณรา ช้างกลาง เชียรใหญ่ ฉวาง นาบอน ทุ่งใหญ่ และทุ่งสง
พัทลุง น้ำท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ 63 ตำบล 563 หมู่บ้าน 45 ชุมชน ราษฎรเดือดร้อน 161,417 ครัวเรือน 508,738 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน กงหรา ศรีบรรพต บางแก้ว ป่าพะยอม ศรีนครรินทร์ ป่าบอน ตะโหมด และปากพยูน
สุราษฎร์ธานี เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 13 อำเภอ 76 ตำบล 503 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 49,676 ครัวเรือน 187,603 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 6,800,000 บาท ได้แก่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ดอนสัก กาญจนประดิษฐ์ ไชยา เวียงสระ ท่าชนะ บ้านนาสาร บ้านนาเดิม คีรีรัฐนิคม เกาะสมุย วิภาวดี พุนพิน และท่าฉาง
ตรัง เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ 34 ตำบล 106 หมู่บ้าน และ 3 เทศบาล ราษฎรเดือดร้อน 1,720 ครัวเรือน 5,520 คน ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด รัษฎา นาโยง และย่านตาขาว
ชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 37 ตำบล 320 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 12,635 คน 37,045 ครัวเรือน ถนน 246 สาย พื้นที่การเกษตร 1,242 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 30,904,00 บาท ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร สวี หลังสวน ละแม พะโต๊ะ ทุ่งตะโก และปะทิว สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ 14 ตำบล 73 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 9,3758 ครัวเรือน 28,144 คน ได้แก่ อำเภอระโนด และกระแสสินธุ์
กระบี่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ 7 ตำบล 47 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 3,250 ครัวเรือน 9,750 คน ได้แก่ อำเภอเขาพนม ลำทับ และเกาะลันตา
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต11 สุราษฎร์ธานี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 80 ลำ เรือท้องแบน 20 ลำ เรือ HDPE พร้อมไม้พาย 300 ลำ เรือไฟเบอร์กลาส 5 ลำ เรือยาง 3 ลำ เครื่องเรือหางยาว 12 เครื่อง เครื่องเรือเร็ว 1 เครื่อง รถบรรทุก 3 คัน น้ำดื่ม 1,400 ขวด ถุงยังชีพ 1,710 ชุด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ERT 14 นาย สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมขังเส้นทางจราจร ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รวม 5 สาย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 สาย ตรัง 1 สาย ชุมพร 1 สาย และระนอง 1 สาย ดังนี้
นครศรีธรรมราช 2 สาย ได้แก่
สาย 4186 โรงเหล็ก-กรุงชิง ท้องที่อำเภอนบพิตำ กม.1-2 คอสะพานขาดที่ กม.1 กม.5
สาย 4189 ท่าพุด- เขาหลวง ท้องที่อำเภอนบพิตำ กม.1-4 เป็นแห่งๆทางขาด ที่ กม.5
ตรัง 1 สาย ได้แก่
สาย 4270 ห้วยยอด-พัทลุง ท้องที่อำเภอห้วยยอด ดินสไลด์ปิดทับคันทาง ที่ กม. 29-30 ให้ใช้ทางหลวงชนบทแทน
ชุมพร 1 สาย ได้แก่
สาย 4006 ราชกรูด-หลังสวน ท้องที่อำเภอหลังสวน น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่กม. 54-55 ไม่มีสายทางทดแทน
ระนอง 1 สาย ได้แก่
สาย 4 กะเปอร์-คลองกำพวย ท้องที่อำเภอกะเปอร์ น้ำกัดเซาะทางที่ กม.670 ให้ใช้ถนนหมู่บ้านบางหินแทน
นอกจากนี้ สนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราช และสนามบินเกาะสมุย ไม่สามารเปิดใช้การได้ ส่วนสถานีรถไฟ นครศรีธรรมราช ไม่สามารถเข้า-ออก สถานีได้ เนื่องจากยังมีน้ำท่วมสันรางสูงกว่า 10 ซม.เป็นระยะๆ ยาว 120 เมตร (สายใต้ให้บริการได้ถึงสถานีจังหวัดชุมพร)
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ใช้เส้นทางปฏิบัติตามแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และเพิ่มความเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ ไม่ฝืนขับรถในเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง เพราะกระแสน้ำอาจพัดรถจมน้ำได้ ท้ายนี้ ผู้ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา:กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย