ปฏิรูปประเทศไทย…เริ่มที่ชุมชนจัดการตนเอง

ปฏิรูปประเทศไทย...เริ่มที่ชุมชนจัดการตนเอง thaihealth


"ชุมชนคือฐานรากที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม แต่ที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจหรือผู้กำหนดนโยบายไม่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนฐานรากนี้ ทำให้การปฏิรูปต่างๆ ไม่ประสบความสำเร็จ โดย เฉพาะ การกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ยังคงทำลายเศรษฐกิจชุมชน จนทำให้สังคมเกิดวิกฤติในปัจจุบัน"


คำกล่าวสุนทรพจน์บางส่วนบางตอน ในหัวข้อ "พลังชุมชนท้องถิ่นปฏิรูปสังคม" จาก ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่เอ่ยขึ้นในพิธีปิด เวทีฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่นสู่การอภิวัฒน์ประเทศไทย ครั้งที่ 5  ประจำปี 2558  จัดโดย สนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมด้วย เครือข่ายท้องถิ่นทั่วประเทศ ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้


พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า แม้สิ่งที่ เวทีฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่นสู่การอภิวัฒน์ประเทศไทย รวมถึง เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ พยายามดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2552 และเน้นหนักในปี 2557 จะพัฒนาให้ท้องถิ่นเข้มแข็งสามารถจัดการตนเองได้ ยังขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ จากตำบลหนึ่งไปยังอีกหลายตำบล หลายพื้นที่ หลายจังหวัด ก่อเกิดเป็นการพัฒนาร่วมกันเพราะทุกฝ่ายได้ร่วมคิดร่วมทำ ยังไปไม่ถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดที่ตั้งใจไว้


ซึ่งการเดินไปให้ถึงการอภิวัฒน์ประเทศไทย ศ.นพ.ประเวศ ชี้แนะเพิ่มว่า การอภิวัฒน์ประเทศไทยปัจจัยสำคัญที่สุด คือการฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ซึ่งชุมชนจะปฏิรูปสังคมได้นั้น จะต้องประกอบด้วย 1.คืนอำนาจให้ชุมชนจัดการตนเองให้ได้มากที่สุด เพื่อพัฒนาอย่างบูรณาการใน 8 ด้าน ได้แก่เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษา และประชาธิปไตย 2.สร้างพันธมิตรในการพัฒนาฐานของประเทศ ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ ประชาสังคม และการสื่อสาร 3.ส่งเสริมความเข้มแข็งของผู้นำชุมชนท้องถิ่น เกิดความศรัทธาสังคมให้คุณค่า 4.มีสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นที่ให้ความรู้ เกิดหลักสูตรชุมชนศึกษาภาคปฏิบัติ และ 5.ชุมชนท้องถิ่นกับการพัฒนานโยบายระดับประเทศ


"ที่สำคัญต้องปลุกให้เกิดสภาผู้นำชุมชนท้องถิ่น ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกับนักการเมืองระดับประเทศ และร่วมกับขับเคลื่อนพัฒนาชาติไทย ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติสัมพันธภาพระหว่างคนในสังคมใหม่ จากเดิมที่เป็นการกำหนดจากผู้มีอำนาจเท่านั้น" ราษฎรอาวุโส ระบุทั้งนี้ ศ.นพ.ประเวศ บอกด้วยว่า การปฏิรูปครั้งนี้ที่เดินทางมาครึ่งทศวรรษต้องตั้งหลักใหม่ โดยนโยบายเศรษฐกิจจะต้องเชื่อมโยงทั้งในส่วนมหภาคและจุลภาคให้ได้ และควรส่งเสริมให้เกิดอัตลักษณ์ในแต่ละชุมชนเป็นหลัก ซึ่งสำคัญมากต่อการสร้างสมดุลของประเทศ


ขณะที่พลังหนุนให้เกิดซึ่งพลังชุมชนท้องถิ่นปฏิรูปสังคม อย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.) ที่ช่วยเสริมทัพให้ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งมากว่าครึ่งทศวรรษนั้น ราษฎรอาวุโส ระบุทั้งนี้ ศ.นพ.ประเวศ บอกด้วยว่า การปฏิรูปครั้งนี้ที่เดินทางมาครึ่งทศวรรษต้องตั้งหลักใหม่ โดยนโยบายเศรษฐกิจจะต้องเชื่อมโยงทั้งในส่วนมหภาคและจุลภาคให้ได้ และควรส่งเสริมให้เกิดอัตลักษณ์ในแต่ละชุมชนเป็นหลัก ซึ่งสำคัญมากต่อการสร้างสมดุลของประเทศ


ขณะที่พลังหนุนให้เกิดซึ่งพลังชุมชนท้องถิ่นปฏิรูปสังคม อย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.) ที่ช่วยเสริมทัพให้ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งมากว่าครึ่งทศวรรษนั้น ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ประสบความสำเร็จไม่น้อย กับการสร้างเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง จากการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้แห่งแรกที่ อ.ปากพูน จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันทั่วประเทศมีศูนย์การเรียนรู้พลังชุมชนปฏิรูปประเทศไทย...เริ่มที่ชุมชนจัดการตนเอง thaihealthปฏิรูปสังคมทั้งหมด 89 ศูนย์ และพัฒนาสู่มหาวิทยาลัยท้องถิ่น 2 แห่ง มีเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 2,500 เครือข่าย จำนวนคนทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานมากกว่า 2 แสนคน สร้างแกนนำอาสาทำดี มากกว่า 6 หมื่นคน ครอบคลุมประชาชนในพื้นที่ 5 ล้านคน


"ความสำเร็จทั้งหมดเกิดจากความทุ่มเทของทุกคน ทำให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม โดยนับต่อจากนี้สสส. จะเชื่อมชุมชนกับภาครัฐและเอกชน ผ่านการขับเคลื่อนใหญ่เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้น่าอยู่ จึงขอเชิญชวนเครือข่ายทุกจังหวัด ให้ร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสังคมน่าอยู่ ถือเป็นมิติใหม่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน" ผู้จัดการกองทุน สสส. เผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนในอนาคต


ด้าน น.ส.ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส.กล่าวว่า ตลอดปี 2557 ที่ผ่านมา ได้ทำการสำรวจข้อมูลสุขภาพผ่านระบบข้อมูลตำบล หรือ TCNAP จากเครือข่าย อปท.เร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ทั่วประเทศ 1,389 แห่ง คิดเป็น 12,984 หมู่บ้าน ประชาชนราว 3.14 ล้านคน พบว่า ท้องถิ่นสูบบุหรี่ร้อยละ 7.1 ซึ่งผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิง 7 เท่า และเริ่มสูบเมื่ออายุเพียง 6 ปี อายุมากสุดที่สูบคือ 94 ปี ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีอยู่ร้อยละ 7.7 ผู้ชายดื่มมากกว่าผู้หญิงเกือบ 5 เท่า เริ่มดื่มตั้งแต่อายุ 11 ปี อายุมากที่สุดที่ยังดื่มเหล้าอยู่ที่ 88 ปี ทั้งนี้ มีอปท. จัดกิจกรรมรณรงค์ลดพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มสุรามากถึง 1,389 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85.82


"จากผลสำรวจสุขภาพดังกล่าว นำมาสู่การกำหนดเป้าหมายการทำงานในปี 58 เพื่อให้สอดคล้องความต้องการของท้องถิ่นและแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากที่สุด โดยจากนี้จะเน้นการทำงานเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และสร้างเสริมสุขภาพประชากรกลุ่มเฉพาะจำนวน  11 ประเด็น" ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. ระบุ


น.ส.ดวงพร  กล่าวต่อว่า ประเด็นแรกคือการควบคุมยาสูบ 2.การจัดการปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ 3.เกษตรเพื่ออาหารปลอดภัย 4.พลังงานชุมชน 5.การจัดการขยะและมลพิษ 6.บริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม (ท้องถิ่นคุณธรรม) 7.การดูแลผู้สูงอายุ 8.ส่งเสริมการเรียนรู้เด็กและเยาวชน 9.จัดการปัญหาท้องในวัยเรียน 10.โรงเรียนคุณธรรม และ 11.พัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งจะเปิดรับสมัครอาสาท้องถิ่นมาร่วมทำงาน 1,500 แห่ง และจากศูนย์การเรียนรู้จากตำบลแม่ข่าย 365 แห่ง โดยท้องถิ่นทุกแห่งต้องทำวิจัยชุมชนและสำรวจข้อมูลปัญหาของพื้นที่ ก่อนกำหนดเป้าหมายการทำงาน เพื่อลดปัญหาสุขภาพในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน มี.ค. นี้


…อภิวัฒน์ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้  คงต้องใช้หัวใจช่วยกันปฏิรูปสังคม.


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code