บาตรใบเล็ก เด็กบ้านบาตร
ศิลปะและวัฒนธรรมของดีในชุมชน ผูกพันฝังรากหยั่งลึกมาแต่โบราณ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดยั้ง ทำให้สองสิ่งที่เคยแนบแน่นเชื่อมโยงกันถูกซ่อนเร้นและเริ่มกลืนหายไป ล่าสุดชุมชนเขตพระนคร-ป้อมปราบศัตรู พ่าย จำนวน 6 ชุมชน จับมือหอศิลป์มหา วิทยาลัยศิลปากร หอศิลป์ตาดู สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และ สสส. เดินหน้า “โครงการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมรอบบ้าน ฟื้นตำนานป้อมปราบฯ-พระนคร” ตอน “ชุมชน โชว์ชุมชน”
ฟื้นชุมชนย่านประวัติศาสตร์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสถาปัตยกรรมอาคารอนุรักษ์และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน โดยให้ชุมชนเป็นแกนนำ จัดที่ชุมชนบ้านบาตร ถนนบำรุงเมือง
บรรยากาศในงานคึกคักด้วยเรื่องเล่าจาก 6 ชุมชน เริ่มจากชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธุ์ ชุมชนวังโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรมและหัตถกรรม โดยเฉพาะการเย็บผ้าสบง จีวร
เด็กๆ งัดเอาผลงานกระปุกออมสินกรมวังมาโชว์ ขณะเดียวกันเศษที่เหลือจากการตัดเย็บสบง จีวร ได้ผู้ใหญ่ใจดีนำมาเย็บเป็นข้าวของเครื่องใช้ อย่าง ชุดทักซิโด ถุงผ้า กระเป๋า เป็นสื่อกลางบอกเล่าที่มาของชุมชนให้มีชีวิตอีกครั้ง
ขณะที่เด็กๆ จากชุมชนสิตาราม ขอสาธิตนาฏศิลป์และโขน ชุมชนจักรพรรดิ พงษ์และชุมชนวัดสุนทรธรรมทาน เสนอศิลปะของกลุ่มเยาวชนในชุมชนและการเต้น และชุมชนวัดสระเกศ (ตรอก เซี่ยงไฮ้) เด็กๆ ขอจับพู่กันวาดเขียนร้อยเรียงประวัติศาสตร์สื่อความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของชุมชน
ที่น่าสนใจคือชุมชนบ้านบาตร นอกจากจะมาโชว์รำวงบ้านบาตรสามัคคีแล้ว ยังโชว์การตีบาตรและฟื้นสายรัดประคด ที่มีทั้งคนรุ่นใหญ่รุ่นเล็กมาสาธิตให้ชมกัน เสียงกระทบกันของวัตถุในการตีบาตรพระ ที่เคยดังก้องสะท้อนวิถีชีวิตคนชุมชนบ้านบาตร วันนี้เสียงนั้นลดความกังวานลงไปอย่างน่าใจหาย
บาตรบุทำมือชื่อก้อง มี 21 ขั้นตอนในการทำ ต้องอาศัยความทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจของช่างฝีมือ อย่างช่างตีขอบ ช่างต่อบาตร ช่างแล่น ช่างลาย จนถึงความประณีตในการตะไบร่วมด้วย ก่อนจะได้บาตรหนึ่งใบที่เปี่ยมด้วยคุณค่า บาตรบุทำมือเหลือเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยและหนึ่งเดียวในโลก
บ้านบาตร ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักดนตรีหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) หนึ่งในสี่สำนักดนตรีใหญ่พระนคร ทั้งยังเป็นจุดกำเนิดคณะรำวงบ้าน บาตร ที่มีชื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
“ดิฉันเป็นคนทำบาตรรุ่นเหลนแล้ว” ป้ากฤษณา แสงไชย วัย 60 ปี เล่าถึงการสืบทอดการทำบาตรให้รับรู้ แต่ปัญหาการทำบาตรของเราในอนาคตถ้าไม่มีใครต่อยอดจะหมดไป เพราะเหลือเพียง 5 ครอบครัวเท่านั้นในชุมชน ต่างจากสมัยก่อนที่ทำกันทุกบ้านเรือน ต่อมามีบาตรปั๊ม เราไม่ได้สู้เรื่องกฎหมายแต่สู้ตามหลักความจริงของศาสนา โดยเข้ามาแทรกให้คนภายนอกที่ใช้บาตรปั๊มหันมาใช้บาตรทำด้วยมือ แต่เรามีบุคลากรน้อยเหลือเกินที่จะบอกเล่าเรื่องราวของเราออกไปสู่ข้างนอกให้เป็นที่รู้จัก
ป้ากฤษณา ซึ่งใช้เวลาถึง 6 ปีค้นหาที่มาของชุมชน และเดินหน้าอนุรักษ์การทำบาตรตั้งแต่ปี 2546 บอกต่อว่า อนาคตอยากเปิดเป็นโรงเรียนภูมิปัญญาไทย ปัจจุบันมีโรงเรียนราชบพิธที่มาเรียนทำบาตร แม้เขาจะไม่ใช่คนในชุมชน แต่ก็ต้องสอนเพราะไม่อยากให้ความรู้มันตายไปกับตัว
“บาตรเล็กๆ ที่เป็นของที่ระลึก 1-10 ใบ ใช้เวลาทำประมาณ 1 สัปดาห์ รวม 21 ขั้นตอน เป็นงานฝีมือและเลือกใช้วัสดุที่อนุญาตให้ใช้คือเหล็กและสแตนเลส เราทำถูกต้องตามพระวินัยที่กำหนดห้ามใช้วัสดุ 11 อย่าง คือ ทอง เงิน นาก ทองเหลือง ทองแดง สังกะสี ดีบุก แก้วเขียว แก้วแดง บาตรมุก บาตรไม้ ด้วยเพราะบาตรเงินบาตรทองเป็นของมีค่า ผู้ที่บวชถือว่าสละแล้ว และคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ส่วนบาตรมุก บาตรไม้ เป็นสิ่งมีชีวิตห้ามเบียดเบียน”
ด้านเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ยังรักบ้านบาตร น้องม่วง น.ส.สายธาร มณีศรีรัษฏ์ อายุ 15 ปี ชั้นปี 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา หลังวางมือจากการจับค้อนตีลายเพื่อให้บาตรเป็นทรงกลม เล่าให้ฟังว่า เริ่มฝึกฝนอย่างจริงจังเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว การทำบาตรเกิดขึ้นมากว่า 200 ปีแล้ว ชุมชนเราก็มีชื่อเสียงด้านการตีบาตร ทำกันเป็นอาชีพมายาวนาน หนูเองทำเฉพาะวันอาทิตย์ เด็กชุมชนนี้ต้องมีบาตรเป็นของตัวเองเก็บไว้คนละหนึ่งใบ กว่าจะทำได้หนึ่งใบใช้เวลานานแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
น้องเงิน ด.ช.คมชาญ นาครัตน์ ชั้นป.6 โรงเรียนวัดพิเรนทร์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการตีบาตรโดยมีย่าเป็นครูสอนว่า ผมมองดูแล้วคิดว่าผมตีได้ ไม่ยาก ผมสนใจก่อนแล้วย่าก็ชวนเลยได้ทำ ที่บ้านตีบาตรมาตั้งแต่รุ่นย่าทวด คนทั้งบ้าน ยาย ป้า แม่และลุงก็ยังทำอยู่ทุกวัน
“การตีบาตรเหนื่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่ต้องตีตะเข็บบนกะล่อนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้แรงเยอะมาก แต่การทำบาตรเป็นความภูมิใจเพราะเป็นสิ่งที่อยู่คู่ชุมชนมานานแล้ว” น้องเงิน กล่าว
ขณะที่ ปุ้ย ด.ญ.วัชรภรณ์ เสื้อศรีเสริม อายุ 13 ปี ชั้นม.1 โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ลูกหลานชุมชนบ้านบาตร แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงแต่ปุ้ยก็ไม่อายที่จะตีบาตรเหมือนเด็กผู้ชาย ปุ้ยเล่าว่า คนตีบาตรต้องไหว้พ่อปู่ครูช่างทำบาตรที่ศาลพ่อปู่กลางชุมชนของเราในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พวกเราทำกันเป็นประจำทุกๆ ปี
“การตีบาตรทำเป็นอาชีพได้ และเป็นหน้าที่ของพวกเราเด็กที่เกิดและอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ ต้องเรียนรู้และรักษาไว้ ถ้าไม่ทำใครจะทำ” ปุ้ยทิ้งท้าย
เรื่องโดย: ปฤษณา กองวงค์
ที่มา: เว็บไซต์ข่าวสด