น้ำท่วม…ภัยธรรมชาติ…..ที่มากับโรคแถมอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก สุภาษิตบทนี้คงใช้ได้กับสภาพดินฟ้าอากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ได้เป็นอย่างดี อย่างล่าสุดเจ้าพายุดีเปรสชัน “กิสนา” ที่ถึงแม้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ยังมีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกกระจายทั่วเมืองไทยตามมาอีกหลายวัน นอกจากจะนำสายฝนเข้ามาแล้วยังหอบหิ้วเอาน้ำจำนวนมากมาด้วยทำให้หลายพื้นที่ของไทยประสบปัญหาน้ำท่วมไม่ยอมลดสักที แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หลังพายุสงบปัญหาเรื่องปากท้อง ที่อยู่อาศัย สุขภาพอนามัย และโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ ก็ตามมา
ซึ่งโรคระบาดที่เป็นกันมากหลังเกิดน้ำท่วมนั้นก็มี โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา เป็นโรคที่มาจากการเกิดแผลพุพองเป็นหนอง ซึ่งเกิดจากการย่ำน้ำหรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรค หรือความอับชื้นจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ไม่สะอาดไม่แห้งเป็นเวลานาน ซึ่งอาการในระยะแรกนั้นจะเริ่มต้นที่ อาการคันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังจะลอกออกเป็นขุย มีผื่น ระยะหลังๆ ผิวหนังที่เท้าเกิดพุพอง เท้าเปื่อย และเป็นหนอง ที่สำคัญอาจเกิดโรคผิวหนังอักเสบแทรกซ้อนได้ง่าย
การป้องกันก็ทำได้ไม่ยากเลยแค่หลีกเลี่ยงการย่ำน้ำโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าฝืนไม่ได้จำเป็นต้องย่ำน้ำแล้วละก็ ควรใส่รองเท้าบู๊ทกันน้ำ และควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ เช็ดให้แห้งเมื่อกลับเข้าบ้าน สวมใส่ถุงเท้า รองเท้า และเสื้อผ้าที่สะอาดไม่เปียกชื้นหากมีบาดแผล ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผล แล้วทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์ หรือเบตาดีน เพียงแค่นี้โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อราก็ไม่น่ากังวลแล้ว….
โรคปอดบวม ก็ถือเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงอีกโรคที่สามารถคร่าชีวิตผู้ป่วยได้ภายใน 24ชั่วโมงซึ่งโรคนี้สามารถเกิดจากเชื้อได้หลายชนิด เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด ทำให้มีการอักเสบของปอด ผู้ประสบภัยน้ำท่วม หากมีการสำลักน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปในปอด ก็มีโอกาสเป็นโรคปอดบวมได้ การติดต่อเพียงแค่หายใจเอาเชื้อโรคในอากาศเข้าไป หรือจากการคลุกคลีกับผู้ป่วยเมื่อ ไอ จามหรือหายใจรดกันหรือในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ อ่อนแอ พิการ มักพบเกิดจากการสำลักเอาเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ปกติในจมูก และลำคอเข้าไปในปอด
อาการทั่วไปนั้นจะมีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบและเร็ว ถ้าเป็นมากจะหายใจหอบเหนื่อยจนเห็นชายโครงบุ๋ม เล็บมือเล็บเท้า ริมฝีปากซีด หรือเขียวคล้ำ กระสับกระส่าย หรือซึมเมื่อมีอาการสงสัยว่าเป็นโรคปอดบวมต้องรีบไปพบแพทย์ทันที โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เช่น น้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด, หนองในช่องเยื่อหุ้มปอด, ปอดแตกและมีลมรั่วในช่องปอด หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ในผู้ป่วยมีโรคหัวใจอยู่ก่อนอาจหัวใจวายได้การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการแล้ว ต้องรีบพบแพทย์ และรับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม หรือใส่หน้ากากอนามัยหากมีไข้ ให้กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวเพื่อลดไข้กินอาหารที่อ่อนย่อยง่าย กินผักและผลไม้ ดื่มน้ำอุ่นมากๆใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่เปียกชื้น และรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
ต่อมาเป็นโรคฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรสิส โรคที่ติดต่อได้จากสัตว์สู่คน มีหนูเป็นตัวแพร่โรค โดยเชื้อจะออกมากับปัสสาวะสัตว์แล้วปนเปื้อนอยู่ในน้ำท่วมขัง พื้นดินที่ชื้นแฉะ หากผู้ที่มีบาดแผล มีรอยขีดข่วน รอยถลอก ย่ำไปโดนก็สามารถติดเชื้อได้ แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นเชื้อที่ว่านี้สามารถไชเข้าเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การรับประทานอาหารที่มีหนูมาฉี่รดก็สามารถทำให้ติดโรคนี้ได้เช่นกัน เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 4 -10 วัน จะมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะน่องและโคนขา หรือปวดหลัง บางคนมีอาการตาแดง อาจมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร หรือท้องเดินหากมีอาการดังกล่าวหลังจากที่สัมผัสสัตว์ หรือลุยน้ำ ย่ำโคลน ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือหน่วยแพทย์ในพื้นที่ทันที ถ้าไม่รีบรักษา บางรายอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ไอมีเลือดปน หรือตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย ซึม สับสน เนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเสียชีวิตได้….การป้องกัน ควรสวมรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ หากต้องลุยน้ำ ย่ำโคลน โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผลหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ย่ำโคลนนานๆ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วต้องรีบอาบชำระร่างกายให้สะอาดโดยเร็วที่สุด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกทันที และเก็บอาหารในภาชนะที่มิดชิดดูแลที่พักให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนูเก็บกวาด ทิ้งขยะให้มิดชิดไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู….
ตามมาด้วย อหิวาตกโรค เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า วิบริโอ คอเลอเร สำหรับอหิวาตกโรคชนิดแท้ และแบคทีเรียชื่อ เอลเทอร์ วิบริโอ สำหรับอหิวาตกโรคชนิดเทียม ติดต่อโดยอยู่ในอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ป่วย แพร่กระจายอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม โดยมีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค อาการทั่วไปนั้น จะปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำวันละหลายครั้ง อาการคล้ายท้องร่วง จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 วัน ถ้าอาการรุนแรง จะปวดท้องรุนแรง ถ่ายอุจจาระเหลวคล้ายน้ำซาวข้าว มีกลิ่นคาว อาเจียน การถ่ายบ่อยทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ชีพจรเต้นเบาลง และเสียชีวิตได้การป้องกัน ควรจัดให้มีส้วมใช้ตามหลักสุขาภิบาล ดื่มและใช้น้ำที่สะอาด ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารและหลังจากเข้าส้วม ทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ห้ามรับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม หลีกเลี่ยงการกินอาหารสดระหว่างที่มีโรคระบาด เก็บภาชนะที่ใส่อาหารให้มิดชิด ไม่ให้แมลงวันไปตอมได้ ทำลายขยะมูลฝอย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และไม่ให้แมลงวันใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์
อีกโรคหนึ่งที่ควรระวังและมองข้ามไม่ได้นั่นก็คือ โรคตาแดง โรคที่พบได้บ่อยซึ่งเป็นการอักเสบของเยื่อบุตา(conjuntiva)ที่คลุมหนังตาบนและล่างรวมเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว โรคตาแดงอาจจะเป็นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง สาเหตุอาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส Chlamydia trachomatis ภูมิแพ้ หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวโดยมากใช้เวลาหาย 2 สัปดาห์ ตาแดงจากโรคภูมิแพ้มักจะเป็นตาแดงเรื้อรัง มีการอักเสบของหนังตา ตาแห้ง การใช้contact lens หรือน้ำยาล้างตาก็เป็นสาเหตุของตาแดงเรื้อรังอาการของโรคตาแดง อาการที่สำคัญคือคันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย คนที่เป็นโรคตาแดงโดยที่ไม่มีอาการคันไม่ใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวเช่นหอบหืด ผื่นแพ้ ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง ขี้ตาใสเหมือนน้ำตามักจะเกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้ ขี้ตาเป็นเมือกขาวมักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคไข้เลือดออก ก็เช่นกันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากที่ไหนมีน้ำขังที่นั่นก็ต้องมียุง!! ซึ่งโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่ติดต่อได้จากยุงลายตัวเมีย ที่ออกหากินในเวลากลางวัน โดยอาการของโรคในเด็กนั้นจะมีเพียงอาการไข้และผื่น ส่วนในผู้ใหญ่จะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อเป็นโรคนี้แล้วได้รับการรักษาช้าผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้
หากมีไข้สูงต่อเนื่อง 2-7 วัน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย บางรายอาจมีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามลำตัว แขน ขา อาจมีกำเดาออกหรือเลือดออกตามไรฟัน และถ่ายอุจาระดำเนื่องจากเลือดออก และอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ ในรายที่ช็อกจะสังเกตได้จากการที่ไข้ลดแล้วแต่ผู้ป่วยจะมีอาการซึมลง ตัวเย็น หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ การรักษานั้นทำได้เพียงประคับประคองอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังภาวะช็อก และเลือดออกตามร่างกาย ซึ่งวิธีที่จะป้องกันและควบคุมไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการควบคุมการแพร่กระจายของยุงลาย กำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุงเท่านั้น…
สำหรับการดูแลเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ และอาหารให้สะอาดปลอดภัยปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้งก็ถือเป็นอีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะน้ำดื่มเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย โดยปกติร่างกายของคนเราต้องการน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร หากอยู่ในภาวะน้ำท่วม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพจึงต้องทำน้ำให้สะอาดก่อนดื่ม วิธีที่สามารถทำได้ง่ายก็คือ การต้มให้เดือดเพื่อทำลายเชื้อโรคในน้ำนั่นเอง ส่วนในกรณีใช้น้ำดื่มบรรจุขวด จะต้องดูตราเครื่องหมาย อย. ก่อนดื่มทุกครั้ง หากเป็นน้ำดื่มในภาชนะควรบรรจุปิดสนิท น้ำต้องใส สะอาด ไม่มีตะกอน และไม่มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อน …หลังดื่มน้ำหมดแล้วควรทำลายขวด/ภาชนะบรรจุ โดยทุบหรือบีบให้เล็กลงก่อนนำไปทิ้งถุงดำ เพื่อสะดวกต่อการนำไปกำจัด ส่วนน้ำใช้ ต้องสะอาด หากไม่แน่ใจให้ใช้คลอรีนทำลายเชื้อโรคในน้ำก่อนโดยใช้คลอรีน100มิลลิกรัมต่อน้ำ1ลิตรทิ้งไว้ 10 นาทีก็จะสามารถนำน้ำไปใช้ได้อย่างสบายใจ
เรื่องการขับถ่ายในภาวะน้ำท่วมหากไม่สามารถถ่ายในส้วมได้ ห้ามถ่ายลงในน้ำโดยตรงเด็ดขาด… ให้ถ่ายใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ปูนขาวพอสมควร ปิดปากถุงให้แน่น ใส่ลงถุงขยะอีกครั้ง แล้วนำไปทิ้งบริเวณที่จัดไว้หรือรวบรวมไว้เพื่อรอการนำไปจัดการอย่างถูกวิธี
การระวังสัตว์มีพิษอย่าง งู แมลงป่อง ตะขาบ ที่หนีน้ำท่วมขึ้นมาอยู่บนบ้านเรือน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบู๊ททุกครั้งนอกจากจะช่วยป้องกันสัตว์มีพิษเหล่านี้แล้วยังช่วยป้องกันการเหยียบวัสดุอันตราย เช่น เศษแก้ว เศษกระเบื้อง ตะปู ที่อยู่ใต้น้ำจนได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญควรถือไม้นำทางตลอดเวลา เพราะอาจพลัดตกหลุมบ่อที่น้ำท่วมจนมองไม่เห็นได้
หลังเกิดน้ำท่วม เมื่อระดับน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ให้เก็บกวาด ทำความสะอาดถนนหนทาง บ้านเรือน รวมถึงซ่อมแซมบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างที่ได้รับความเสียหายให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว หากเสียหายมากจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ให้รีบรื้อถอน เพราะอาจเกิดอันตรายได้ รวมถึงแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาดำเนินการซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคและเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งจัดเก็บซากสัตว์ที่ตายแล้วด้วยการฝังเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากน้ำท่วม ควรเตรียมรับมือด้วยการติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้อยู่ในสภาพพร้อมรับมือภัยน้ำท่วม จัดเตรียมเครื่องอุปโภค บริโภคและสิ่งของจำเป็นไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดน้ำท่วม ควรเรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายที่มักเกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วม…
เพียงเท่านี้ไม่ว่าน้ำจะท่วมบ่อยแค่ไหน แต่เมื่อเรารู้จักวิธีป้องกันตัวที่ดีแล้ว เราก็ใช้ชีวิตร่วมกับน้ำท่วมได้อย่างสบายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และอันตรายที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน…..
เรื่องโดย: ภราดร เดชสาร Team content www.thaihealth.or.th
Update: 06-10-09
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร