น่ากลัวไม่แพ้โควิด สุขภาพไทยสารพัดปัจจัยเสี่ยง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ปัจจุบัน 2 ใน 3 ของโรคที่เกิดขึ้นนั้นมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัจจัยแวดล้อมทางสังคมที่ส่งผลต่อสุขภาพ เพื่อให้เห็นทิศทางของสถานการณ์สุขภาพคนไทย พร้อมสร้างความตระหนักและป้องกันผลกระทบ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นวัตถุประสงค์ที่รายงานฉบับนี้ระบุไว้ เป็นการระบุถึงพฤติกรรมสุขภาพคนไทย ปี 2563 ที่สังคมไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ จนทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมามากมาย อันเป็นผลจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ นำไปสู่การ "ป้องกัน"
เพื่อ "ลดปัญหาสุขภาพ-ลดภาระทางสุขภาพ"
ให้กับ "ประชากรประเทศไทยทุกเพศ-ทุกวัย"
ทั้งนี้รายงานฉบับที่ว่านี้ จัดทำขึ้นโดย ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะและแผนงานสนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูล และเทคโนโลยีสร้างเสริมสุขภาพ สำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พฤติกรรมคนไทยที่น่าจับตามอง ปี 2563 (ThaiHealth WATCH 2020) โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสุขภาพ ในคนไทยทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก, วัยรุ่น, วัยทำงาน จนถึงวัยผู้สูงอายุ
เพื่อที่จะฉายภาพ "แนวโน้มพฤติกรรมคนไทย"
ที่ประกอบด้วยปัจจัย '10 ประเด็น" ดังต่อไปนี้คือ
ประเด็นแรกที่ต้องจับตามอง คือ…'โรคเครียด-โรคซึมเศร้า ในเด็กและเยาวชนไทย" ซึ่งจากข้อมูลโดยกรมสุขภาพจิต ย้อนดูในปี 2561 พบว่าทุก ๆ 1 ชั่วโมงจะมีคนพยายาม ฆ่าตัวตาย เฉลี่ยสูงถึง 6 ราย ซึ่งปีหนึ่ง ๆ มีผู้คิดฆ่าตัวตายมากกว่า 53,000 คน โดยในจำนวนนี้มีกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จมากถึงปีละ 300 ราย และยังพบแนวโน้มการเข้ารับคำปรึกษาจากสายด่วนสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยสาเหตุมาจาก…ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว หน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ การถูกกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ และปัญหาความรุนแรง เป็นต้น …นี่เป็นข้อมูลสรุปประเด็นแรก
ต่อมาคือประเด็น'ภัยคุกคามทางออนไลน์" โดยสำหรับประเด็นนี้นั้น มีข้อมูลโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ที่พบว่า…ในปี 2562 มีเด็กร้อยละ 31 เคยถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ นอกจากนี้ ร้อยละ 74 เคยพบเห็นสื่อลามกอนาจารทางออนไลน์ และร้อยละ 25 เคยมีการนัดพบเจอเพื่อนที่รู้จักกันในออนไลน์ โดยในจำนวนนี้มีเด็กที่ถูกหลอกให้เสียเงิน ถูกแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึงถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วย …ซึ่งปัญหาประเด็นดังกล่าวนี้ก็นับว่า เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของไทย…
สร้างผลกระทบกับเยาวชนไทยจำนวนไม่น้อย!!
ประเด็น 'อุบัติเหตุทางถนน" นี่ก็เป็น 1 ใน 10 ประเด็น ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาทางด้านสุขภาพที่สำคัญ โดยในรายงานได้ระบุไว้โดยอ้างอิงข้อมูลของทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ได้ประมาณการว่า…ปี 2561 ในไทยมีผู้เสียชีวิตบนถนนรวมกันถึง 22,491 คน ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ถัดมาคือประเด็น 'โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น" อันสืบเนื่องจากการมีค่านิยมผิด ๆ อย่างเรื่องของการ "กลัวท้องมากกว่าติดโรค" ซึ่งพบว่า…วัยรุ่นไทยมีอัตราการติดโรคทางเพศสัมพันธ์เพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยเฉพาะ 5 โรคที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงอายุ 15-24 ปี ได้แก่…ซิฟิลิส หนองในเทียม หนองใน แผลริมอ่อน ฝีมะม่วงที่มีสาเหตุจากการไม่ใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์แต่ใช้ยาคุม โดยมีเหตุผลในการไม่ใส่ถุงยางอนามัย คือ…ราคาสูง อาย-ไม่กล้าซื้อ??
นี่ก็ถือเป็นปัญหาสุขภาพไทยอีกปัญหาใหญ่
ที่มีสาเหตุสำคัญเกิดจากการ "มีค่านิยมผิด ๆ"
ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าจับตาประเด็นต่อมาคือ 'ปัญหาติดเกม" ซึ่งถึงแม้ว่าในปัจจุบัน E-Sport จะกลายเป็นอาชีพในฝันของเด็กไทยมากขึ้น แต่ก็พบผลสำรวจที่ว่า…มีเด็กอายุ 6-18 ปี ราวร้อยละ 61 ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจะติดเกมออนไลน์ โดยที่การติดเกมนั้นได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของเด็กในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม และอารมณ์
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่อง'พฤติกรรมการกิน-การอยู่" ที่ทำให้เสี่ยงเกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรัง ชนิดต่าง ๆ เช่น หลอดเลือดสมอง เบาหวาน หัวใจขาดเลือด, 'การขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้กัญชารักษาโรค" มีปัญหาเรื่องการขาดความรู้ความเข้าใจ จนมีกรณีใช้กัญชาเกินขนาด,'Fake News เรื่องสุขภาพ" โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่หลงเชื่อ ข่าวปลอม จนส่งผลกระทบทางสุขภาพหลาย ๆ เรื่อง, 'ฝุ่น PM 2.5"ที่ส่งผลกับสุขภาพคนไทย โดยเฉพาะกับเด็กและผู้สูงอายุ
และสุดท้ายคือประเด็น 'ขยะอาหาร"ที่พบว่า คนไทยสร้างขยะอินทรีย์ที่กลายเป็นขยะอาหารสูงถึงปีละ 254 กิโลกรัม/คน จนก่อให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และส่งผลร้ายเป็นปัญหาสุขภาพต่อคนไทย ในที่สุด …เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ต้องสนใจ
ว่าด้วยเรื่อง "พฤติกรรมสุขภาพคนไทย ปี 2563"
เป็นการ "อัพเดทปัญหาสุขภาพ" ให้กับคนไทย
เพื่อช่วยกันลด 'ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ดีต่อสุขภาพ"
ที่ก็จำเป็น 'ต้องกลัว!!" ไม่แพ้กรณีโควิด-19