ท้องถิ่นมุ่งสร้างครู ‘ปฐมวัย’ ปรับที่ฐาน ปูทางพัฒนาประเทศ

ท้องถิ่นมุ่งสร้างครู ‘ปฐมวัย’ ปรับที่ฐาน ปูทางพัฒนาประเทศ

ในการเสวนาหัวข้อ ‘ปฐมวัย รากฐานแห่งการพัฒนาประเทศ’ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูลและรักษาการรองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจเรื่องปฐมวัยเริ่มตั้งแต่กระบวนการตั้งครรภ์ทารกแรกคลอดที่มีน้ำหนักตัวน้อยก็ยังมีอยู่มาก แม้แต่ในกรุงเทพฯ ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเป็นภาระทางสุขภาพ ส่วนช่วงหลังคลอด จะมีโจทย์ 4 เรื่อง คือ การเติบโต เรียนรู้ ปลอดโรค และปลอดภัย

“อีกปัญหาหลักคือ เด็กน้ำหนักเกินเริ่มมีมากขึ้น เรื่องการเติบโตจึงสัมพันธ์กับอาหาร ซึ่งสำหรับเด็กแล้ว อาหารคือนมแม่ ก็เพียงพอ เราจึงสามารถเลี้ยงลูกได้โดยไม่ต้องใช้ขวดนม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องทิ้งภาพเดิมๆ ไปให้ได้” พญ.พรรณพิมล กล่าว

ด้าน นายวีระชาติ ทศรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษานอกระบบและพัฒนากิจกรรมเยาวชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ปัจจุบันพ่อแม่แยกตัวไปทำงานและเป็นสังคมเดี่ยวมากขึ้น ลูกหลานก็ปล่อยให้ปู่ย่าตายายดูแล จนมีการเปรียบเปรยว่า เด็กที่อยู่กับท้องถิ่นคือเด็กที่เลือกไม่ได้

ปัจจุบันศูนย์เด็กเล็กที่องค์กรปกครองท้องถิ่นได้รับโอนมาจากราชการ มีประมาณ 20,000 แห่ง มีครูประมาณ 50,000 คน ตามสัดส่วนของเด็กซึ่งปัจจุบันมีเกือบ 1 ล้านคน ทั้งนี้ การพัฒนาในศูนย์เด็กเล็กมีภารกิจหลักคือ ‘การเล่น’ ครูจึงต้องเล่านิทานเก่ง เล่นได้ เต้นเป็น เพราะการเล่นคือ การเตรียมความพร้อมให้เด็ก 4 ด้าน ได้แก่ พัฒนาการตามวัยทั้งทางร่างกาย ภาษา หรือสุขภาพ ความพร้อมด้านอารมณ์ ความพร้อมในการเข้าสังคม รวมทั้งการรู้จักการรอและกติกา

อย่างไรก็ตาม ศูนย์เด็กเล็ก จะต้องผ่านหลักสูตรในการประเมินและประกันด้านคุณภาพด้วย นอกจากนี้ ในส่วนครูผู้สอนก็ต้องรู้ทฤษฎีพัฒนาการเด็ก รู้จักการประเมินเด็ก ส่วนครูบางคนที่ไม่จบปริญญาตรีก็ต้องมีทุนให้เรียนนอกเวลา ต่อไปครูเหล่านี้จะเป็นมืออาชีพด้านปฐมวัย

นางสุกัญญา เวชศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ กล่าวว่า ยังมีเด็กที่อยู่นอกระบบหรืออยู่ที่บ้านอีกประมาณ 2 ล้านคน ส่วนหนึ่งคือลูกของแม่วัยใส กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงมีนโยบายในกรณีที่แม่วัยใสดูแลเด็กไม่ได้ โดยให้นำมาฝากเพื่อจะได้ไม่ต้องนำเด็กไปทิ้ง เพื่อรอจนพ่อแม่หรือญาติของเด็กมีความพร้อมก็มารับเด็กกลับคืนได้

ส่วน รศ.ดร.อุดมลักษณ์ กุลพิจิตร กรรมการพัฒนาระบบประเมินคุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าวถึงเกณฑ์การประเมินศูนย์พัฒนาเด็กเล็กว่า จะให้ความสำคัญกับคุณภาพบุคลากร และสัดส่วนผู้ดูแลต่อเด็กตามกลุ่มอายุต่างๆ โดยจะมีการอบรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ อปท. สนับสนุนการศึกษาของผู้ดูแลเด็กเล็ก ซึ่งภาวะเสี่ยงต่อเด็กนั้นสามารถดูแลได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นหากใส่ใจ โดย สมศ. ในฐานะหน่วยงานประเมินผลจะทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนภาพเหล่านี้ให้กับหน่วยงานต่างๆ

 

 

ที่มา : จดหมายข่าว “มหามวลมิตร” เวทีครบรอบ สสส. 12 ปี ฉบับที่ 1

 

Shares:
QR Code :
QR Code