ทันยุค 4.0 ปรับพื้นที่ร้าง 4,375 ไร่ ให้มีมูลค่า
ที่มา : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ในพื้นที่ กทม.ส่วนหนึ่ง 4,375 ไร่ เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า และบางส่วนกลายเป็นพื้นที่ทิ้งขยะมูลฝอยของชุมชนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศูนย์วิจัยและพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยสยาม สำนักงานเขตภาษีเจริญ ผู้ใหญ่ใจดีช่วยกันตัดริบบิ้นเปิดงานนิทรรศการพื้นที่สุขภาวะเขตภาษีเจริญ….แค่คุณปรับ…..พื้นที่ก็เปลี่ยน…เป็นพื้นที่สุขภาวะในชุมชนเลิศสุขสม ณ ใต้สะพานบางขี้แก้ง ถนนพุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ถอดบทเรียนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเกิดขึ้นแล้ว เพราะพื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัดของสุขภาวะคนเมือง เปลี่ยนพื้นที่รกร้างไร้ประโยชน์กว่า 12,204 ตารางวา เป็นพื้นที่สุขภาวะมูลค่ากว่า 212 ล้านบาท ยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนภาษีเจริญขยายสู่ 10 พื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะในบริบทเมือง
"สิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ในการจัดการพื้นที่ที่เป็นข้อจำกัดของเมือง ได้รับการพิสูจน์ว่า เพียงแค่คุณปรับ พื้นที่ก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สุขภาวะ ในวันนี้ พื้นที่รกร้างไร้ประโยชน์หรือพื้นที่ที่จำกัดของ 53 ชุมชนในเขตภาษีเจริญ ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สุขภาวะแล้ว กว่า 12,204 ตารางวา เมื่อเทียบกับราคาที่ดินตามราคาประเมินแล้ว พื้นที่เหล่านี้มีมูลค่าถึง 212 ล้านบาท การปรับกระบวนทัศน์ของคนในพื้นที่ ในการร่วมกันคิด ร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน ขยายพื้นที่ต้นแบบพื้นที่สุขภาวะกว่า 10 พื้นที่ ทั้งชุมชน สถานประกอบการ โรงเรียน แต่ละพื้นที่มีจุดเด่นพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ ถ่ายทอดบทเรียนดีๆ สู่พื้นที่อื่นๆ" ผศ.ดร.กุลธิดา จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการ ศวพช. มหาวิทยาลัยสยาม และ เลขาธิการมูลนิธิวิจัยเพื่อพัฒนามนุษย์และชุมชน กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงการหนุนเสริมการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะนำร่องภาษีเจริญเป็นเวลา 4 ปี ด้วยงบประมาณจาก สสส.สนับสนุนปีละ 1 ล้านบาท ได้เห็นประโยชน์มากมาย ด้วยศักยภาพของชาวบ้านในชุมชนสร้างผลผลิตทางด้านการเกษตร มีรายได้พึ่งพาตัวเอง พัฒนาตัวเองเป็นต้นแบบใน 10 ชุมชนและ 40 ชุมชนใกล้เคียง เมื่อทำสำเร็จแล้วจะส่งไม้ต่อให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว โอกาสที่พื้นที่เขตภาษีเจริญเติบโตสูง ปัจจัยความสำเร็จมาจาก ผศ.ดร.กุลธิดา จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการ ศวพช. มหาวิทยาลัยสยาม และ เลขาธิการมูลนิธิวิจัยเพื่อพัฒนามนุษย์และชุมชน ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง
สสส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายพัฒนาพื้นที่สุขภาวะต้นแบบ 8 ประเภทรวม 741 แห่งทั่วประเทศ 1.พื้นที่สุขภาวะย่านเมือง 2.พื้นที่สุขภาวะชุมชน 3.พื้นที่สุขภาวะเส้นทางสัญจร 4.พื้นที่สุขภาวะย่านริมน้ำ 5.พื้นที่สุขภาวะสวนสาธารณะ 6.พื้นที่สุขภาวะศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก 7.พื้นที่สุขภาวะองค์กร 8.ชุมชนเมือง จักรยานพร้อมกับขยายเพิ่มพื้นที่ใหม่ๆ ขึ้นทุกปี รวมถึงเขตภาษีเจริญที่ สสส.ให้การสนับสนุนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกเป็นต้นแบบพื้นที่สุขภาวะชุมชนในเขต กทม. ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพเพิ่มกิจกรรมทางกายและการออกกำลังกาย ด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม ปรับภูมิทัศน์โดยมี สถาบันการศึกษา ศวพช. ม.สยาม เป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือจากผู้คนในพื้นที่ชุมชน หน่วยงานทุกภาคส่วนตอบโจทย์นำไปสู่การจัดการข้อจำกัดเชิงพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ช่วยให้คุณภาพชีวิตคนในชุมชนดีขึ้น เปลี่ยนพื้นที่รกร้างอันตรายเป็นแปลงผัก พื้นที่ออกกำลังกายในชุมชน หากได้รับการหนุนเสริมจากภาคนโยบายของ กทม. ชุมชน และทุกฝ่ายอย่างบูรณาการ จะนำมาซึ่งพลังในการเปลี่ยนแปลงสร้างสุขภาวะที่ดีของคนเมืองกรุงต่อไป
ศาสตราจารย์ ดร.ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวถึงการเป็นสถาบันการศึกษาพัฒนาพื้นที่สุขภาวะและเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัย มีพันธกิจด้านสังคมได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และชุมชนในสำนักงานเขตภาษีเจริญ เป็นภาคีเครือข่าย 4 ปีมาแล้ว จัดเป็นนิทรรศการพื้นที่สุขภาวะเขตภาษีเจริญ แค่คุณปรับ พื้นที่ก็เปลี่ยนเป็นพื้นที่สุขภาวะ ผู้เรียนรู้งานกว่า 300 คน สถาบันการศึกษา คณะทำงาน ภาคีเครือข่าย ชุมชนเกิดความเจริญสะท้อนถึงความสำเร็จ จากที่มีข้อจำกัดของเมืองว่าเป็นไปไม่ได้ พื้นที่รกร้างไร้ประโยชน์กลายเป็นพื้นที่สุขภาวะ 12,204 ตารางวา เทียบเคียงกับราคาที่ดินมูลค่า 212 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สุขภาวะ 30 พื้นที่ชุมชน สถานประกอบการ โรงเรียน ถ่ายทอดแหล่งเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสยามเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งเดียวในย่านภาษีเจริญ เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมและชุมชนสนับสนุนให้เป็นส่วนหนึ่งของ 1 ชุมชนเรียนรู้วิถีแก้ไขปัญหา พลังปัญญาชนจากก้าวรั้วมหาวิทยาลัยต้องกลับไปรับใช้ชุมชน มหาวิทยาลัยสยามพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่สร้างสุขภาวะดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จอยู่กับสังคมภาษีเจริญเคียงคู่กับหน่วยงาน กทม.
สมชีพ ไชยเขต ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ กล่าวถึงการรวมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะระดับเขตภาษีเจริญ ที่นี่เป็นพื้นที่นำร่องแค่ปรับก็เปลี่ยนจนประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนพัฒนาพื้นที่สุขภาวะระดับเขต สามารถถ่ายทอดเสนอในงานนิทรรศการพื้นที่สุขภาวะเขตภาษีเจริญ การนำเสนอเนื้อหาพื้นที่ 10 ต้นแบบเรามีทูตรุ่นจิ๋วที่ภาคภูมิใจนำเสนอเนื้อหาและปฏิบัติให้เป็นจริงได้
อ.สุเมธ นาคน้อย ทำหน้าที่พิธีกรในงาน การแสดงการโต้วาทีทูตพื้นที่สุขภาวะรุ่นจิ๋วจากโรงเรียนวัดอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ) เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 และชั้นมัธยม 3 "พื้นที่สุขภาวะต้องชุมชนทำหรือส่วนราชการทำ" ฝ่ายเสนอนำโดย ด.ญ.สิรินนาฏ สืบศิริ ประธานนักเรียน ด.ญ.เบญญาภา ใจกว้าง ด.ญ.จิระณัฐดา วิเชียรวงศ์ ฝ่ายค้านนำโดย ด.ญ.สโรชา คงเปี่ยม, ด.ญ.ชลทิชา แสนสุด, ด.ญ.นันทกานต์ บุนนาค ทั้งนี้ มี อ.อภิญญา สังขารวิเชียร ครูโรงเรียนวัดอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ) เป็นที่ปรึกษา
เนื้อหาโต้วาทีให้ข้อคิดที่ดีว่า อย่าถกเถียงว่าใครสำคัญกว่า สำคัญว่างานนั้นเสร็จสำเร็จไหม สำคัญที่ตัวแปรแค่ร่วมใจ สุขภาวะเกิดได้ทุกชุมชน รวมพลังสามัคคีพื้นที่สุข และปลอดทุกข์น่าอยู่ทุกแห่งหน เพียงรัฐราษฎร์รับผิดชอบหน้าที่ตน สัมฤทธิผลทุกโครงการอย่างแน่นอน หน่วยงานต้องว่องไวทันเหตุการณ์ทันยุค 4.0 สสส.ศวพช.ม.สยาม สำนักงานเขตภาษีเจริญพัฒนาพื้นที่เขตภาษีเจริญเจริญทั่วทั้งพื้นที่ ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน คนเรามีความรู้ไม่เหมือนกัน ประชาชนเปรียบเสมือนเป็นแขนขาหน่วยงานราชการ สมองต้องช่วยกันคิดก่อนนำไปสู่ภาคประชาชน กำลังขับเคลื่อนพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญพัฒนาพื้นที่สุขภาวะภาษีเจริญและทั่วทุกพื้นที่ใน กทม.
การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะเป็นภาระของใครกันแน่หนอ ประชาชนอย่างเราไม่รีรอ ไม่ร้องขอหน่วยงาน ประชาชนตระหนักในหน้าที่ ไม่รอรีให้งานนั้นก้าวผ่าน ร่วมกันคิดร่วมกันทำตามอุดมการณ์ จากวันวานจนวันนี้ดีขึ้นไป ราชการก็เพียงทำตามหน้าที่ จะหามีมาทุ่มเทแบบนี้ไหม ประชาชนนี่แหละทำด้วยใจ พื้นที่ไหนก็ดีได้เพราะพวกเรา ศูนย์วิจัยและพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยสยาม การจะพัฒนาพื้นที่สุขภาวะให้ดีขึ้นคือประชาชนเป็นผู้ลงมือทำ หน่วยงานราชการคิดและวางแผนสู่ประชาชน ไม่ได้ลงมือทำเอง สสส.ม.สยามให้คำแนะนำโรงเรียนในเรื่องการคัดแยกขยะ การดำเนินงานนำขยะมาแปรรูป ทำสวนเกษตรอินทรีย์ทุกอย่างสวยเป็นประโยชน์ ทำให้พื้นที่สุขภาวะของโรงเรียนน่าอยู่ สะอาด มีสภาพแวดล้อมที่ดี
การแสดงนาฏการและลิเกพญานาคราชสีชมพูจากทูตพื้นที่สุขภาวะรุ่นจิ๋ว นำโดย ครูชลนธี พงษ์กายี ครูสอนโขนของโรงเรียนวัดอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ) ชุดลิเกทรงเครื่องเฉพาะตัวเป็นการตัดเย็บด้วยถุงนมโรงเรียนสีชมพู มีข้อความว่าสนับสนุนโดยรัฐบาล ห้ามจำหน่าย นำมาแจกให้นักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม.ดื่มทุกวัน ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด ครูชลนธี ร้องลิเกเป็นทำนองอย่างไพเราะว่า "สสส.เขาประสานจัดให้มีชาวชุมชนให้ฟังคำอธิบาย บอกให้เราร่วมกันทำร่วมกันจัดการพื้นที่เพื่อลดขยะดั่งที่วาทะปราศรัยก็ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ตั้งใจหนา ผมขออวยพร ขอให้สุขีสุขัง อายุวรรณะ ปราศจากโรคภัยทุกข์นานา ขอเสียงปรบมือให้กับคณะลิเกทรงเครื่องจากทูตพื้นที่สุขภาวะรุ่นจิ๋ว (จำนวน 21 คน) ก่อนที่จะเซย์กู๊ดบาย" และต่อด้วยพิธีมอบทุนการศึกษา
ชุมชนคลองลัดภาษี ต้นแบบพื้นที่สุขภาวะ แหล่งเรียนรู้การจัดการเห็ด พื้นที่สุขภาวะจากชุมชนที่ถูกไล่รื้อรวมตัวหาที่ดินสร้างชุมชนใหม่ด้วยเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา ดูแลกันและกันตั้งแต่เกิดจนตายด้วยกองทุนสวัสดิการวันละ 1 บาท ช่วยเหลือแก้หนี้นอกระบบจนสำเร็จ นับเป็นชุมชนที่ร่วมกันต่อสู้ ต่อรองเพื่อความมั่นคง อยู่ดีกินดีของสมาชิก 311 คน 79 ครัวเรือน การอยู่ร่วมกันภายใต้พื้นที่จำกัดจำเป็นต้องจัดระเบียบทางสังคมและปรับพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ พื้นที่รกร้าง พื้นที่ขยะ พื้นที่จำกัด ควรดัดแปลงเป็นพื้นที่เพื่อสุขภาวะของทุกคน สุขกายสุขใจ สุขที่จะอยู่ร่วมกัน สุขที่มีความมั่นคง
จากชีวิตที่ต่างคนต่างอยู่ ถึงเวลาต้องระดมความคิด จัดการพื้นที่ที่ละเลย บ้างจะปรับปลูกพืชผักสวนครัว บ้างจะจัดการพื้นที่รุกขยะให้เป็นระเบียบ เป็นโรงเรียนการเกษตร โรงเพาะเห็ด ปลูกผักลอยฟ้า ลานออกกำลังกาย จัดการพื้นที่ปลูกพืชผักผลไม้แปรรูปบริโภค จำหน่าย เรียนรู้การเป็นพื้นที่ต้นแบบ "ครู" พื้นที่สุขภาวะ
ชุมชนพูนบำเพ็ญ ต้นแบบพื้นที่สุขภาวะ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พื้นที่ทางเดินอุโมงค์ผักและดิน พื้นที่สุขภาวะ ชุมชนศิรินทร์และเพื่อน ต้นแบบพื้นที่สุขภาวะ แหล่งเรียนรู้การจัดการขยะ 7 ชุมชนที่ถูกไล่รื้อรวมตัวกว่า 780 คน จัดตั้งสหกรณ์เคหสถานศิรินทร์และเพื่อนจำกัด เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากที่อยู่อาศัย 153 หลังคาเรือนจากหลายแหล่ง หลายพฤติกรรม ความเป็นอยู่ เมื่อต่างที่มาก็ต่างระเบียบ บ้างอยากจัด บ้างอยากทิ้ง บ้างอยากวาง บ้างอยากอยู่เพียงลำพัง ขยะเริ่มมา ระเบียบเริ่มถอย สังคมเริ่มเสื่อมจะจัดการอย่างไรบนความต่าง กลับมีคำเหมือนที่ซ่อนเร้นคือความเข้มแข็งและศักยภาพของคน 7 ที่มา 7 ความเข้มแข็งรวมตัวหารือแก้ไขปัญหาและร่วมพัฒนาพื้นที่จำกัดให้เป็นพื้นที่สุขภาวะ หารือกันชู 1 ประเด็นของการพัฒนาเร่งด่วนคือการจัดระบบการจัดการขยะ
เริ่มกิจกรรมจัดการพื้นที่เป็นพื้นที่สุขภาวะต้นแบบ การระดมพลังจากคนใน พลังเยาวชนพลังผู้ใหญ่และภาคีรวมกิจกรรม จุดเริ่มต้นของสายสัมพันธ์ที่ดี สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ถูกรื้อฟื้น การทำขนม ดนตรีไทย กล้วยไม้เมืองกรุง วิถีคนคลองถูกออกแบบและถอดบทเรียนแต่เก่าก่อน เยาวชนถูกระดมเรียนรู้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซุ้มอุโมงค์ผักคนเดินเริ่มก่อรูปก่อร่าง พี่น้องพ่อแม่สายสัมพันธ์ออกแบบกระถางแปรรูปจากล้อยางที่ถูกทิ้งกลายเป็นกระถางแสนสวย เตรียมสำหรับไม้เลื้อย พืชผล ดอกไม้นานาพันธุ์ ปั่นจักรยาน 2 พลังเป็นการออกกำลังกายและรดน้ำต้นไม้ ไม่มีขยะอินทรีย์ แปลงร่างคืนสู่ดิน
โรงเรียนวัดทองศาลางาม ต้นแบบโรงเรียนพื้นที่สุขภาวะ แหล่งเรียนรู้การจัดการขยะ เกษตรน้ำหมักหน่อกล้วย จากพื้นที่วัดกว่า 3 ไร่สู่การเป็นพื้นที่โรงเรียน พัฒนาเปิดสอนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียน 457 คน เติมเต็มศาสตร์ในห้องเรียนด้วยการจัดการพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ เมื่อการเรียนในห้องต้องเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ศาสตร์การปฏิบัติ จึงต้องปรับการเรียนการสอน อีก 1 โรงเรียนที่ยกมืออาสาบูรณาการการเรียนการสอนกับการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะ เพื่อให้นักเรียนคณาจารย์เรียนรู้ร่วมกัน ระดมความคิด เปิดประเด็นการพัฒนา หลังวิเคราะห์ปัญหาและทุนโรงเรียนที่พร้อมทั้งบุคลากรที่มีทักษะและศักยภาพนักเรียน มติจะต่อยอดขยายผลการจัดการขยะโรงเรียนให้เป็นระบบและจัดการเป็นเกษตรอินทรีย์
ด้วยความสนใจและใฝ่เรียนรู้เรื่องเกษตร การอบรมทำน้ำหมักชีวภาพด้วยหน่อกล้วยได้เริ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงการทิ้งขยะและนำมาใช้ปลูกผักลงแปลงเพื่อการเกษตร ความภาคภูมิใจในการใฝ่รู้นำพาสู่การลงมือทำทั้งคัดแยกแปรรูป นำสิ่งของเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ โรงเรียนวัดอ่างแก้ว (จีบ ปานขำ) ต้นแบบโรงเรียนพื้นที่สุขภาวะ แหล่งเรียนรู้การจัดการขยะเกษตรอินทรีย์ ทูตพื้นที่สุขภาวะรุ่นจิ๋ว โรงเรียนบางจาก (โกมลประเสริฐอุทิศ) แหล่งเรียนรู้การจัดการขยะเกษตรแบบผสมผสาน
สุนีย์ บุญเอี่ยม เจ้าของบริษัท เอสเจพีซิลเวอร์ ทำเครื่องประดับเป็นเครื่องเงินขึ้นทะเบียนโอท็อป 3 ดาวเมื่อปี 2559 ทำงานจิตอาสาภาคีเครือข่ายสุขภาวะชุมชนแป๊ะกงร่วมใจ ตั้งแต่ปี 2557 ด้วยข้อคิดที่ว่า หนูอยากให้เขตภาษีเจริญเป็นสีเขียว ช่วยกันปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ปลูกตามริมรั้วหรือปลูกตามสแตนด์ เริ่มต้นจากการปลูกต้นไม้เนื่องจากศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (ศวพช.) มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเขตภาษีเจริญ "เรารวมกลุ่มทำโปรเจ็กต์เพื่อขอทุนจาก สสส. ได้เงินมา 1.1 หมื่นตลอดโครงการ 1 ปี มีการบริหารงานสร้างภาคีเครือข่าย 40 หลังคาเรือน งบประมาณไม่เพียงพอ แต่เราใช้เงินทุนหมุนเวียน บางครั้งพืชผักที่เราปลูกใกล้ตายเราก็หมุนเวียนเอามาปลูกใหม่ได้ ใช้เม็ดที่แก่สุดมาโรยปลูก หรือนำกิ่งมาเพาะชำ บางบ้างมีเหลือเฟือก็นำมาแบ่งปัน สามีคือสมหมาย เป็นประธานชุมชนแป๊ะกงร่วมใจ เราในฐานะภริยาก็ช่วยงานจิตอาสาอย่างเต็มที่ การอยู่กับต้นไม้ทำให้เรามีความสุข หลายบ้านได้พืชผักเยอะแยะ ก็อยากจะโชว์ออฟถ่ายภาพลงเฟซบุ๊ก มีอะไรก็แบ่งกันกินสนุกสนานกันไป"
อนึ่ง ด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวชุมชน อีกไม่นานพื้นที่ในย่านภาษีเจริญจะเต็มไปด้วยต้นรวงผึ้ง หรือ Yellow Star ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 พรรณไม้หอมไทยแท้ดอกสีเหลืองโดดเด่นส่งกลิ่นหอม ผลิดอกในวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ต้นรวงผึ้งมีดอกสีเหลืองอร่ามดั่งสีทองกำลังบานสะพรั่งในเดือน ก.ค.ช่วงที่ฝนกำลังโปรยปราย ต้นรวงผึ้งเป็นไม้มงคล ปลูกไว้บังแดดให้ร่มเงาเป็นอย่างดี นำมาปลูกประดับสวนในบ้านโดยเฉพาะบ้านที่มีคนธาตุไฟ จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้มากยิ่งขึ้น