“ทพ.กฤษดา”แนะเด็กหัวใสใช้ ICTสร้างสรรค์
สร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้
“ทพ.กฤษดา”แนะเด็กและเยาวชนใช้ไอซีทีเป็นเครื่องมือเชิงสร้างสรรค์ ชี้ติดตามข่าวสารได้รวดเร็วกว่าสื่ออื่น ให้มองโจทย์ด้วยมุมมองใหม่ๆ และเชื่อมโยงกับภาคส่วนอื่น เชื่อช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2553 ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวในการบรรยายพิเศษโครงการเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เด็กหัวใส ฉลาดใช้ไอซีที”จัดโดย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล ร่วมกับมูลนิธิสยามกัมมาจลว่า การส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน ใช้ไอซีทีไปในเชิงสร้างสรรค์ และเกิดผลสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากการสนับสนุนให้เด็กรู้จักการคิดนอกกรอบ ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการด้านไอซีที่น่าสนใจ เกิดจากการรวมตัวของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เชื่อว่าสังคมไทยมีองค์ความรู้มากมาย นำโดยคุณสุนิตย์ เชรษฐา กรรมการผู้จัดการสถาบัน Change Fusion (ในปัจจุบัน) ได้ร่วมกันลงไปเก็บข้อมูลภูมิปัญญา องค์ความรู้ต่างๆ ในท้องถิ่น และนำมาผสมผสานกับระบบไอซีที จัดทำเป็นคลังภูมิปัญญาไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบการจัดเก็บข้อมูลที่น่าสนใจและได้รับรางวัลระดับประเทศ
ผู้จัดการ สสส. กล่าวอีกว่า ดังนั้น สิ่งสำคัญของเด็ก และเยาวชน ในการใช้ไอซีทีเชิงสร้างสรรค์ต้องคิดให้ลึกมากขึ้น ตีโจทย์ให้แตก โดยอาจจะมองโจทย์จากรอบๆ ตัวเรา เช่น สถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน ได้เห็นความเคลื่อนไหวในการนำไอซีทีมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมาก โดยมีการรวมกลุ่มของเยาวชน ใน twitter ใช้ชื่อว่า @ThaiFlood ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา อาทิ สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ ระดับน้ำ การให้ความช่วยเหลือฯลฯ ซึ่งมีการรายงานอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสถานีโทรทัศน์เสียอีก
“การนำไอซีทีเข้ามาทำให้การช่วยเหลือไปถึงชาวบ้านได้อย่างรวดเร็วและลดระดับความเสียหายได้มากกว่า เหตุการณ์สึนามิ ซึ่งความช่วยเหลือเข้าไปได้ค่อนข้างล่าช้า ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การนำไอซีทีมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน หรือต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพียงแค่มีการบริหารจัดการที่ดี ก็สามารถทำให้การแก้ปัญหารวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น”ทพ.กฤษดากล่าว
ผู้จัดการ สสส. กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากฝากเด็ก เยาวชนไว้ก็คือ เราต้องมองใหม่ว่าโจทย์อยู่ที่ไหน ต้องค้นหาให้เจอ โดยเฉพาะโจทย์ใกล้ๆ ตัวเรา เพราะเมื่อเยาวชนมองกันเองจะเห็นภาพที่ชัดเจนกว่าผู้ใหญ่ และสามารถสื่อสารกันเองได้ง่ายกว่า การมองเห็นโจทย์ คือ ต้องมองให้หลุดกรอบ มองโจทย์ในมุมใหม่ให้เชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ ขณะนี้โลก และวิถีชีวิตของคนกำลังเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่คนอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ดูโทรทัศน์ หากต้องการเผยแพร่ข้อมูลก็ต้องเป็นข่าว ต้องใช้เงินซื้อโฆษณา แต่ขณะนี้ไม่ต้องแล้ว เพราะการใช้ไอซีทีเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ได้รับความสนใจอย่างมาก เช่น คลิปต่างๆ ในช่วงเวลาไม่นานมีคนสนใจเข้าไปดูจำนวนมาก บางคลิปเกิดเป็นกระแสสังคมก็มี
“สิ่งเหล่านี้เด็ก เยาวชน ลงมือทำกันได้เอง ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สามารถสร้างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ในวงกว้าง ซึ่งจากข้อมูลจะพบว่าในอดีต ย้อนหลังไป 5-6 ปี เด็กจะใช้ไอซีทีไปกับการบันเทิง เล่นเกม แต่ปัจจุบันเด็กใช้ไอซีทีไปในเชิงสร้างสรรค์ เรียนรู้มากขึ้น แต่ปัญหาคือ เนื้อหาสาระ ในเชิงบวกยังมีไม่เพียงพอ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่จะต้องหาแนวทางนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า อนาคตของประเทศชาติอยู่ในมือเด็ก และเยาวชน ว่าจะออกแบบให้ประเทศ และโลกนี้น่าอยู่ได้อย่างไรต่อไป”ทพ.กฤษดากล่าว
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update:21-10-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่