ตั้งหน่วย ‘ตาสับปะรด’ ปราบ ‘ภัยคุกคาม’ บนรถเมล์

เพราะภัยคุกคามทางเพศเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งวาจาและการกระทำ ไม่พ้นแม้กระทั่งบน “รถเมล์” ที่ผู้หญิงหลายคนมีอาการอึดอัดที่ต้องใช้บริการ

แต่ด้วยความจำเป็นทำให้ต้อง “จำทน!!” แต่ใช่ว่า “เหยื่อ” คุกคามทางเพศ จะเป็นเพียงผู้โดยสารหญิงเท่านั้น บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ “กระเป๋ารถเมล์” ที่ต้องเผชิญกับผู้โดยสารหลากหลายแบบก็ประสบกับภัยดังกล่าวเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ร่วมกับ สหภาพแรงงานรัฐสาหกิจขนส่งมวลชนกรุงเทพ และ สสส. มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร จัดโครงการ “รณรงค์ร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากการคุกคามทางเพศบนรถ ขสมก.” ถึงเวลาแล้วที่พนักงานเก็บค่าโดยสารหญิง รวมถึงผู้โดยสารรถเมล์ จะได้รับการคุ้มครองอย่างจริงจัง!!

นางสาวยุพิน เมฆหิรัญศิริ ผู้ช่วย ผู้อำนวยการ ฝ่ายเดินรถองค์การ 1 เผยว่า ที่ผ่านมา ขสมก.มีพนักงานหญิงทั้งหมด 4,476 คน มีการร้องเรียนถึงเรื่องการถูกคุกคามทางเพศ ที่มี 3 กรณีใหญ่ๆ 1.การคุกคามทางเพศระหว่างพนักงานกับพนักงานด้วยกัน 2.การถูกคุกคามทางเพศระหว่างพนักงานกับผู้โดยสาร 3.การถูกคุกคามทางเพศระหว่างผู้โดยสารกับ ผู้โดยสาร

“พนักงานเก็บค่าโดย สารหญิงส่วนใหญ่มักถูกคุกคามทางเพศทั้งทางวาจาและการกระทำ เช่น การสัมผัส แอบจับก้น เอว ผม หรือลูบไล้ร่างกาย แต่ไม่กล้าร้องเรียนเพราะไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งไม่เข้าใจเกี่ยวกับการคุกคามว่าหมายรวมถึงทางวาจาด้วย”

สำหรับมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยทางเพศ องค์การขนส่งมวลชนได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อรับการร้องเรียนการคุกคามทางเพศ และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ “ตาสับปะรด” ขึ้นมาเพื่อเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแลแก้ไขปัญหา

โดยผู้ที่รับหน้าที่ “ตาสับปะรด” เบื้องต้นมีจำนวน 120 คน คัดเลือกจากพนักงานเก็บค่าโดยสารและพนักงานขับรถ เมื่อเกิดเหตุคุกคามภายในรถเมล์ สามารถรับเรื่องร้องทุกข์และเข้าแก้ไขปัญหาได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ถูกลวนลามทางสายตา จากการเบียดเสียด หรือจากคำพูด

สำหรับมาตรการลงโทษพนักงาน ขสมก. ที่กระทำการคุกคามทางเพศ โทษสถานเบา “ตักเตือน” หนักขึ้นอีก คือ ย้ายเขตการเดินรถ แต่หากยังพบพฤติกรรมความผิดเดิมๆ อีกจะตัดเงินเดือน ร้ายแรงที่สุด ถูกพักการทำงานทันที

 

“ผลที่เห็นทันที หลังเปิดโครงการ คือ ผู้ที่คิดหรือเคยกระทำความผิดจะเกรงกลัวและไม่กล้าทำอีก ส่วนข้อดีที่ส่งผลต่อพนักงานคือกล้าที่จะส่งเสียงร้องเรียน ไม่ใช่การเก็บความทุกข์ไว้คนเดียวจนไม่มีความสุขในการทำงาน สร้างความมั่นใจแก่พนักงานว่าจะปลอดภัย และไม่ได้รับการกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า

“เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีผู้บังคับบัญชาใช้วาจาหว่านล้อมให้ข้อเสนอที่ดีกว่าในการทำงาน แลกเปลี่ยนกับการคุกคามทางเพศ หากไม่ยอมก็จะถูกกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ส่วนผู้ใช้บริการจะรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะพนักงานจะเข้าช่วยเหลือทันทีที่เกิดเหตุไม่ปลอดภัย” ผช.ผอ.ฝ่ายเดินรถองค์การ 1 กล่าวทิ้งท้าย

นางสาวมณิสรา พนม อายุ 40 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร ขสมก.สาย 67 ผู้ทำหน้าที่ตาสับปะรด เล่าว่า พนักงานที่เป็นตาสับปะรดจะเข้ารับการอบรมจาก ขสมก.ถึงการดำเนินการช่วยเหลือผู้ใช้บริการและให้คำปรึกษาเพื่อนพนักงาน ที่ผ่านมากรณีที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด คือ การสัมผัสทางร่างกาย เช่น การเบียดแทรก ใช้โอกาสรถเบรกเข้าประชิดตัว ส่วนทางสายตาจะเกิดจากการมองหน้าอกและขา ขณะที่ผู้โดยสารหญิง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา หรือผู้หญิงที่แต่งกายล่อแหลม ส่วนทางวาจา ส่วนใหญ่จะเป็นการแซวกัน เช่น ไปกับพี่ไหมน้อง, สวยๆ แบบนี้มาคนเดียวหรือ เป็นต้น

“การอบรมให้พนักงานตาสับปะรดจะอบรมให้เราแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยในสถานการณ์ต่างๆ เช่น พี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้ายังทำแบบนี้อีกจะให้คนขับจอดที่สถานีตำรวจนะ รวมถึงการช่วยเหลือผู้ใช้บริการจากเหตุต่างๆ อาทิ โดนลวนลาม ใช้คำพูด ใช้สายตา จะให้ผู้โดยสารย้ายที่นั่งหรือเชิญให้ผู้คุกคามย้ายที่นั่ง อยากฝากถึงผู้ใช้บริการทุกคนว่า หากเกิดเหตุขึ้นมาให้ใช้เสียงดังๆ ไว้ก่อน เพราะคนที่คุกคามจะกลัวเสียงดัง และอับอาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ”

แม้จะมีคนมาช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย แต่ผู้หญิงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดด้วย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

Shares:
QR Code :
QR Code