ตลาดนัดสุขภาพ ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่
สุขสร้างได้ด้วยใจ ทุกที่ ด้วยตัวเอง
สสส.เปิดมหกรรม “ตลาดนัดสุขภาพ” ตั้งเป้า 100 เมือง 10,000 องค์กร และ 1 ล้านคน ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ ประเดิมโคราชแห่งแรก เผยสถานการณ์สุขภาพคนอีสาน พบ 3 โรคยอดฮิต “มะเร็งตับ-เบาหวาน-ไตวาย” ชูพันธุ์ข้าวพื้นบ้านต้านเบาหวาน จ.กาฬสินธุ์ หลังพบผู้ป่วยเบาหวานสูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ เหตุกินข้าวเหนียวสายพันธุ์เดียว
เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดงาน “ตลาดนัดสุขภาพ ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่” โดย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า การจัดงานตลาดนัดสุขภาพ เป็นการนำตัวอย่างโครงการของภาคีเครือข่ายของ สสส. ในพื้นที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อให้เกิดการขยายผลสู่ชุมชนอื่นๆ และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ สสส. ได้วางเป้าหมายการทำงานที่สำคัญคือ การสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ ผ่าน 4 ส่วนที่สำคัญคือ 1. การสร้างสุขภาพดีที่เริ่มต้นจากตนเอง 2. การสร้างสถานที่แห่งความสุข 3. การสร้างชุมชนให้น่าอยู่ และ 4. สุขสร้างได้ด้วยใจ ซึ่งทั้ง 4 องค์ประกอบหากเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ในแต่ละแห่งทั่วภูมิภาคก็จะหลอมรวมกันเป็นการสร้างประเทศให้น่าอยู่
ทพ.กฤษดา กล่าวว่า สสส.ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า เราอยากเห็น 100 เมือง 10,000 องค์กร และ 1 ล้านคน ที่จะเข้ามาร่วมแคมเปญ “ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลก” ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้การจัดงานตลาดนัดสุขภาพ ถือเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเริ่มที่ภาคอีสาน จ.นครราชสีมา ตามด้วย ภาคกลาง ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพ ในวันที่ 27 พฤษภาคม, ภาคใต้ ที่ศูนย์การค้าลีการ์เด้น หาดใหญ่ ในวันที่ 4 มิถุนายน และภาคเหนือ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้
ร.อ.นพ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จากสถานการณ์สุขภาพของคนไทยในภาคอีสาน โดยโดยสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ ภายใต้การสนับสนุนของสสส. พบว่า โรคที่ควรเฝ้าระวังในภาคอีสาน 3 โรคสำคัญคือ โรคมะเร็งตับ ซึ่งพบว่าคนในภาคอีสานส่วนใหญ่เสียชีวิตมากที่สุดของประเทศ โดยจ.กาฬสินธุ์ มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ คือ 59.30 รายต่อแสนประชากร อันดับ 2 ของประเทศคือ จังหวัดสกลนคร 58.32 รายต่อแสนประชากร ตามด้วยโรคเบาหวาน ซึ่งพบว่า ภาคอีสานติดอันดับป่วยด้วยโรคเบาหวานสูงสุดของประเทศ โดยจ.กาฬสินธุ์ มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานสูงสุดของประเทศ คือ 32.51 รายต่อแสนประชากร อันดับ 2 ของประเทศ คือ จ.ขอนแก่น 30.38 รายต่อแสนประชากร และอันดับ 3 ของประเทศคือ จ.ร้อยเอ็ด มีอัตราผู้เสียชีวิต 28.52 รายต่อแสนประชากร
ร.อ.นพ.วรัญญู กล่าวว่า สำหรับโรคไตวาย แม้ว่าภาคอีสานจะมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากภาคเหนือ แต่มีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่ จ.อำนาจเจริญ ที่มีอัตราการเสียชีวิต อันดับ 3 ของประเทศ ตามด้วยจ.กาฬสินธุ์ อันดับ 5 ของประเทศ และจ.สกลนคร อันดับ 7 ของประเทศ ทั้งนี้โรคที่ควรเฝ้าระวังของคนในภาคอีสาน ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่สสส.เป็นกลไก “ป้องกัน” สุขภาพของคนในภาคอีสาน ทั้งนี้จ.นครราชสีมาจะร่วมเป็นเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างชุมชน สังคม และประเทศ ให้น่าอยู่เช่นกัน
จากนั้นได้เข้าสู่เวทีเสวนาถอดรหัสความสำเร็จของโครงการในพื้นที่ภาคอีสาน โดยน.ส.นุจนารถ โฮมแพน เจ้าหน้าที่เครือข่ายเกษตรทางเลือกภาคอีสาน กล่าวว่า หัวใจเกษตรทางเลือกภาคอีสานคือ การทำเรื่องเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้ เพราะสายพันธุ์ข้าวที่มีอยู่ในประเทศไทยมีถึง 5,000 สายพันธุ์ แต่ถูกใช้ในท้องตลาดเพียงแค่ 5 สายพันธุ์เท่านั้น ซึ่งการใช้สายพันธุ์ข้าวเพียงสายพันธุ์เดียวทำให้ต้องพึ่งพาปุ๋ย สารเคมี เป็นจำนวนมาก จึงมีแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์และปลูกข้าวสายพันธุ์พื้นบ้าน ขณะนี้ในภาคอีสานมีถึง 130 สายพันธุ์ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านปุ๋ย และยาฆ่าแมลงได้ เนื่องจากสายพันธุ์ข้าวพื้นบ้านไม่ตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยเคมี และมีความทนต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองได้ดีอีกด้วย
“ที่สำคัญคือ คุณค่าทางอาหารของพันธุ์ข้าวพื้นบ้านยังสามารถลดเบาหวานได้อีกด้วย เนื่องจากคนอีสานมักกินข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก จากเดิมที่เคยกินมาก็ไม่มีภาวะการป่วยด้วยโรคเบาหวาน แต่ในช่วง 20 ปีมานี้ที่เริ่มมีคนอีสานป่วยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตถึงข้าวเหนียวที่กินอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งพบว่า เป็นข้าวเหนียวสายพันธุ์เดียวคือ พันธุ์กข 60 จึงได้มีการทดลองในพื้นที่สถานีอนามัย ต.สายนาวัง จ.กาฬสินธุ์ ในผู้ป่วยเบาหวานและอสม. จำนวน 20 คน ให้รับประทานข้าวพื้นบ้านพันธุ์หอมมะลิแดง ซึ่งมีสารอาหารที่หลากหลายกว่า ซึ่งทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ดังนั้นในเครือข่ายเกษตรกรทางเลือกภาคอีสานจึงหันมาปลูกข้าวพันธุ์พื้นบ้านโดยเฉลี่ยรายละ 5 สายพันธุ์” น.ส.นุจนารถ กล่าว
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update : 24-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ฤทัยรัตน์ ไกรรอด